(เพิ่มเติม1) "ธนาธร-ปิยบุตร"พร้อมคณะผู้ร่วมอุดมการณ์แถลงเปิดตัว"พรรคอนาคตใหม่"ลั่นไม่เอานายกฯคนนอก-ไม่เลือกข้างแต่ไม่ประนีประนอม

ข่าวการเมือง Thursday March 15, 2018 13:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารเครือไทยซัมมิท และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ระบุว่าเป็นคนรุ่นใหม่จากหลากหลายวงการ ร่วมกันแถลงจัดตั้งพรรคการเมืองภายใต้ชื่อ "พรรคอนาคตใหม่"เพื่อสร้างการเมืองรูปแบบใหม่ ไม่ให้ประเทศไทยต้องจมปลักอยู่กับ"ทศวรรษที่สูญหาย"อีกต่อไป พร้อมประกาศไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นการรวมตัวกันของคนที่มีพลังใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมา นำพาประเทศออกจากภาวะวิกฤติ เปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอย่างร้าวลึกมากว่าทศวรรษ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล การเมืองแบบแบ่งขั้วเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาปรึกษาหารือกัน ในขณะที่การเมืองแบบเผด็จการทหารก็ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของพลเมืองและกดทับปัญหาทั้งหมดไว้ ไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลง และไม่อาจแสวงหาฉันทามติร่วมกันของคนในชาติได้

ทั้งที่ ในความเป็นจริงแล้ว ผู้สนับสนุนฝักฝ่ายทางการเมืองทั้งหลายต่างก็ต้องการระบอบการเมืองที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งสิ้น เราผู้อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้จึงเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีพลังใหม่เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาอีกครั้ง

"ประเทศไทยสูญเสียโอกาสและเวลามามากพอแล้ว คนไทยต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เรามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หากมีการเมืองแบบประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์และเข้มแข็ง นี่คือห้วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่เราจะร่วมกันสร้างประเทศไทยที่มีความหวัง มีเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ประชาชนคนไทยมีศักดิ์ศรี มีอำนาจที่จะกำหนดอนาคตของประเทศด้วยตนเอง"นายปิยะบุตร กล่าวถึงอุดมการณ์ของพรรค

พรรคอนาคตใหม่จะทำให้ประชาชนได้เห็นว่าสามารถกลับเข้าสู่การเมืองแบบประชาธิปไตยได้ จะเข้ามาช่วยกระตุกความคิดของคนในสังคมว่ามีทางออกและมีทางเลือกใหม่ ทำให้คนมีคาดหวังว่าการเมืองจะดีขึ้น ทำให้คนพร้อมที่กลับไปสู่การเลือกตั้ง และกลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตย และทำให้เชื่อมั่นว่าความขัดแย้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ และประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาการเมืองกันเอง

"วิกฤติการณ์ความขัดแย้งตลอดทศวรรษ ทำให้กองทัพครองอำนาจได้อย่างยาวนาน โดยอ้างตนเป็นคนกลางเข้ามาแก้ไขวิกฤติ ทั้งที่ความเป็นจริงกองทัพเป็นผู้ขัดแย้งและเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา พวกเขาสร้างหลอนอันน่าสะพรึงกลัวอยู่เสมอว่า หากกลับสู่ประชาธิปไตย หากกลับสู่การเลือกตั้ง ความขัดแย้งและความวุ่นวายตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะกลับมาอีก ทำให้คนจำนวนมากต้องทนอยู่กับรัฐบาลทหารเช่นนี้เรื่อยไป"นายปิยบุตร กล่าว

และกล่าวอีกว่า "ไม่มีใครที่มีความชอบธรรมเพียงพอที่จะกำหนดอนาคตเราได้ นอกจากตัวเราเอง นี้คือช่วงเวลาประวัติศาตร์หากไม่ร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตัวเอง เพื่อนำพาประเทศออกจากทศวรรษที่สูญหายนี้ ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้ และเราอาจไม่มีโอกาสฟื้นกลับมาได้อีกแล้ว"

นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่จะทำประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ เวทีการเมืองจะไม่ผูกขาดโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีระบบที่ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้โดยประชาชน ซึ่งพรรคจะมุ่งทำการเมืองในระยะยาวเพื่อผลักดันความคิดและนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีประชาชนเป็นเจ้าของพรรคร่วมกันผ่านการระดมสมองและระดมทุนเพื่อเป็นเวทีเปิดกว้างกับทุกเสียง

ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่จะไม่ใช้เงินทุนจากตนเอง แต่จะระดมทุนจากประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่เป็นเครื่องมือระดมทุน โดยมั่นใจว่าจะสามารถทำได้เหมือนพรรคเดโมแครตในสหรัฐอเมริกา จึงขอให้เชื่อมั่นว่าจะไม่มีใครคนหนึ่งหรือนายทุนที่อยู่เหนือสมาชิกพรรค

"พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคของผม หรือเป็นพรรคของนายปิยบุตร แต่เป็นพรรคของประชาชนทุกคนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในระบอบประชาธิปไตย โดยสมาชิกพรรคจะมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ไปจนถึงการจัดทำนโยบาย"นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า เราต้องการเป็นพรรคหลัก เป็นพรรคที่นำนโยบายไปปฏิบัติได้จริง ดังนั้น เราไม่ได้หวังเป็นเสียงส่วนน้อย แต่หวังจะชนะการเลือกตั้ง โดยมองทุกพรรคเป็นศัตรูและคู่แข่งทางการเมืองเหมือนกันหมด เพราะพรรคอนาคตใหม่จะแย่งทุกเสียง ส่วนหลังเลือกตั้งไปแล้วทำงานกับพรรคการเมืองใดนั้น ขณะนี้คงไม่สามารถรู้ได้เพราะยังไม่เห็นผลการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม พรรคไม่ได้เลือกข้างแต่มีจุดยืนและอุดมการณ์ทางเมืองที่ต้องการเป็นประชาธิปไตยชัดเจน พรรคไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอก ไม่มีการประนีประนอม หากมีการประนีประนอมก็พร้อมจะลาออกทันที เพราะตั้งใจจัดตั้งพรรคการเมืองที่เป็นพรรคหลักเพื่อนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่พรรคทางเลือก โดยหวังให้คนจดจำว่าเป็น"พรรคอนาคตใหม่ที่เป็นอำนาจของประชาชน"

"เราหวังทุกคะแนนเสียง แต่หลังจากการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้นไม่สามารถบอกได้ อย่างเดียวเท่านั้นเองที่เราพูดได้ คือเราไม่รับนายกฯคนนอก เราไม่รับส่วนประกอบที่"อประชาธิปไตย"ทั้งหมด เราขอไม่มีส่วนร่วมกระบวนการนั้น คือสิ่งที่ยืนยันได้วันนี้ แต่ไกลกว่านั้น นายกฯเป็นใคร เราจะร่วมมือกับพรรคไหน เป็นสิ่งที่เราไม่มีคำตอบในวันนี้ และไม่จำเป็นต้องตอบในวันนี้ด้วย" นายธนาธร กล่าว

"เราไม่ได้เลือกข้างแต่เรามีจุดยืน ถ้าข้างไหนข้ามเส้นจุดยืนนี้ เราจะต่อต้านและโจมตี ที่ผ่านมาสมาชิกก่อตั้งพรรคชัดเจนเรื่องนี้ ไม่ว่าตราบใด จะเป็นประชาธิปัตย์ เพื่อไทย คุณทักษิณ หรือคุณประยุทธ์ ถ้าข้ามเส้นจุดยืนเมื่อไหร่เราจะวิจารณ์ทันที เราจะต่อต้านทันที เราจะถือหางการเมืองคนที่อุดมการณ์ที่ถูกต้องทันที"นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคอนาคตใหม่จะออกแบบนโยบายที่จะทำให้ประชาชนมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่มาพร้อมโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ สร้างกฎหมายที่เอื้อให้เกิดธุรกิจใหม่ ไม่ใช่เป็นอุปสรรค ซึ่งนโยบายในด้านเศรษฐกิจนั้น มีแนวคิดส่วนตัวต้องการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถจัดตั้งบริษัทหรือธุรกิจตัวเอง โดยไม่ต้องเสียค่าคุ้มครอง หรือลดขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจ เพราะมองว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเป็นอุตสาหกรรมกึ่งผูกขาดมากเกินไป

"ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเสียเวลาทางเศรษฐกิจไปกับการเอาชนะทางการเมืองเพียงอย่างเดียว และยังไม่เห็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศเลย"นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลใดจะมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เพราะต้องรอผลการลงมติเลือกจากสมาชิกพรรรค เช่นเดียวกับ 3 บุคคลที่พรรคจะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ และยังไม่สามารถตอบได้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะร่วมกับพรรคใดในการจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้าน

แต่ทั้งนี้อยากเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งปลดล็อคให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ เพื่อไม่ให้พรรคเล็กเสียเปรียบพรรคใหญ่ เพื่อทำให้พรรคการเมืองต่าง ๆ สามารถพบปะกับประชาชนได้เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคได้ตามวิถีการเมืองปกติ

ด้านนายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการ หนึ่งในผู้ร่วมจัดตั้งพรรค กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกลัวที่เข้ามาร่วมจัดตั้งพรรคในบรรยากาศทางการเมืองที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตย และมองว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่รอคอยมาตลอดชีวิตที่ได้เลือกตั้งมา โดยตั้งใจเข้ามาผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจให้จังหวัดบริหารจัดการด้วยตัวเอง จากที่ผ่านมาไม่เคยมีพรรคใดพูดถึงเรื่องนี้ รวมถึงจะผลักดันเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นงานที่ทำมาโดยตลอด

ขณะที่นายปิยบุตร ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า แม้วันนี้จะเปลี่ยนบทบาทจากนักวิชาการมาเป็นนักการเมือง แต่จุดยืนส่วนตัวยังยืนยันความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เคยออกมาแสดงความเห็นไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อไม่ให้มีการนำกฎหมายดังกล่าวไปกลั่นแกล้งศัตรูฝ่ายตรงข้าม หรือบุคคลที่เห็นต่างทางการเมือง แต่เรื่องดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับนโยบายและการตัดสินใจของสมาชิกพรรคว่าจะขับเคลื่อนในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะคณะนิติราษฎร์ คือกลุ่มนักวิชาการที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ และที่สำคัญพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่ของตนเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์จัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ระบุชื่อผู้ร่วมก่อตั้งพรรคที่ประกอบด้วย นักธุรกิจ นักวิชาการ NGO นักธุรกิจ นักกฎหมาย ได้แก่ นายกฤตนัน ดิษฐบรรจง แกนนำกลุ่มเยาวชนอาสาที่ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอสไอวี นางสาวกุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา นายชำนาญ จันทร์เรือง อาจารย์พิเศษด้านการเมืองและกฎหมาย ผู้ยกร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริการราชการเชียงใหม่มหานคร นางสาวนลัทพร ไกรฤกษ์ ผู้ก่อตั้งเวปไซด์คนพิการ นายสุรินทร์ คำสุข ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์

นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นักปรุงเบียร์ นักธุรกิจ มัคคุเทศก์อิสระ นายปรัชญา เพชรวิสิทธิ์ คนทำหนัง นักศึกษา นายเปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการองค์กร Newground นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักกิจกรรมทางการเมือง นายอนุกูล ทรายเพชร เกษตรกรยุคดิจิตอล นางสาวอลิสา บินดุส๊ะ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่ทำงานร่วมกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของรัฐ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เหมืองลิกไนต์ในจ.ลำปาง เป็นต้น

โดยหลังจากแถลงการณ์เสร็จสิ้นลงแล้วแกนนำพร้อมด้วยผู้ร่วมอุดมการณ์ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขณะที่รายงานข่าวจาก กกต.เปิดเผยว่า ล่าสุดมีพรรคการเมืองเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่เป็น 57 พรรคแล้ว โดยวานนี้ (14 มี.ค.) มีพรรคการเมืองยื่นคำขอเพิ่ม คือ พรรคพลังลูกหนี้ไทย มีนายสุวิชิต ชนะพันธ์ เป็นผู้ยื่นคำขอ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ