พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดว่า จะตัดสินใจว่าจะเข้าสู่สนามการเมืองหรือไม่ช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้ง หรือช่วงที่เกิดการพูดคุยกับพรรคการเมืองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งโดยส่วนตัวไม่ได้รังเกียจการเมือง และไม่เคยรังเกียจใคร แต่รังเกียจการเมืองที่ไม่สุจริต ไม่มีธรรมาภิบาล สร้างความขัดแย้ง
อีกทั้งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเหมือนปี 57 ซึ่งหากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ก็ต้องเลือกคนใหม่ตามที่ประชาชนต้องการ แต่หากตนเองลงไปเล่นการเมืองแล้วจะมีใครรับประกันหรือไม่ว่าจะได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งก็ยังไม่รู้อนาคตว่าจะคุ้มค่ากับตนเองและประเทศชาติหรือไม่ หรือจะเป็นชะตากรรม
ส่วนกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้การสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น หากมีการทาบทามให้เข้าร่วมพรรคหรือรับตำแหน่งที่ปรึกษา ก็คงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีความเหมาะสมหรือไม่ และนโยบายของแต่ละพรรคนั้นตรงกับความตั้งใจที่ได้ทำงานมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การพูดคุยระหว่างคสช.และนักการเมืองก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพราะหลายพรรคยังปฏิเสธที่จะร่วมพูดคุย โดยต้องการรอเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ความจริงควรจะต้องมีการพูดคุยกันก่อนเพื่อดูว่าแต่ละพรรคจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเองอยากรับฟังจากพรรคการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังเห็นว่าการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี หากเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญที่ให้ ส.ส.เลือกนายกรัฐมนตรีได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเกิดความขัดแย้งและไม่ยอมกัน ก็จำเป็นต้องใช้ระบบการเลือกคนนอกเข้ามา ซึ่งนายกฯ คนนอก จะเป็นใคร ส่วนตัวก็ยังไม่ทราบและก็ไม่คิดว่าจะเป็นตนเอง แต่ที่ผ่านมาสื่อฯนำเสนอชื่อตนเองเท่านั้น ทั้งที่ควรจะนำเสนอชื่อบุคคลอื่นบ้าง
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นจะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งบางพื้นที่อาจจะจัดขึ้นก่อนการเลือกตั้งใหญ่ แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง หากประกาศการเลือกตั้งเมื่อใดกลุ่มคนเหล่านี้คงจะพร้อมทันที
ขณะที่การลงพื้นที่ต่างจังหวัดของคณะรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการไปหาเสียง แต่เป็นการลงพื้นที่ตามความตั้งใจว่าก่อนจะหมดหน้าที่จะเดินทางไปทุกจังหวัดหรือทุกกลุ่มจังหวัดให้ได้มากที่สุด แต่ช่วงเวลามาตรงกับช่วงโรดแมพในช่วงสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งการลงพื้นที่ก็เพื่อเข้าไปรับฟังทั้งปัญหาและผลการทำงานของรัฐบาลจากข้าราชการและจากประชาชน โดยเฉพาะปัญหาที่ประชาชนส่งข้อมูลเข้ามา ทั้งผ่านทางแอพพลิเคชั่นของรัฐบาล และ sms ทำให้รัฐบาลทราบปัญหาและข้อเสนอในพื้นที่ก่อนนำมาแก้ไข
สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คงไม่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ใด แต่จะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เพราะมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมลากิจในการประชุม ครม.วันนี้ ไม่ได้แจ้งว่าจะเดินทางไปไหน เพราะเป็นสิทธิของพล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตร จะต้องไปดูแลร่างกายและไปตรวจร่างกายตามเวลาเท่านั้น