พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 โดยยืนยันว่า วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่รัฐบาลนี้มีพยายามเดินหน้าการพัฒนาประเทศในรูปแบบกลุ่มจังหวัด ซึ่งวันนี้ก็จะมารับข้อเสนอต่างๆ จากข้างล่างสู่ส่วนกลางเพื่อนำไปพิจารณา เพราะรัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินการตามในสิ่งที่ทุกคนขอได้หมด เนื่องจากมีงบประมาณที่จำกัด ซึ่งบางโครงการที่ขอมาก็มีบรรจุอยู่ในแผนระยะยาวอยู่แล้ว หรือบางโครงการอาจต้องจัดเพิ่มเติมลงไปตามความต้องการเร่งด่วน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การดำเนินโครงการต่างๆ จะต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน ซึ่งยุทธศาสตร์นี้สามารถที่จะปรับให้เกิดความยืดหยุ่นกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตลอด 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ ได้พยายามสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งเรื่องภาคการเกษตร และการอำนวยความสะดวกในภาครัฐ เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าทุกครั้งที่ลงพื้นที่พบปะกับใคร หรือที่ใดนั้น เป็นเรื่องที่ทางจังหวัดเตรียมการให้ โดยไม่มีการพบปะหรือพูดคุยกับนักการเมืองเป็นการส่วนตัว เช่นเดียวกับการพบนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่ได้มาให้การต้อนรับวานนี้ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่ทั้ง 2 คนให้เกียรติมาต้อนรับ ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งก็ต้องการมาพบปะตนเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า การลงพื้นที่แม้จะมีประชาชนมาต้อนรับเพียงคนเดียว ตนก็พร้อมที่จะเดินทางไปหาประชาชนทุกพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลต้องหาการร่วมมือในการปฏิรูปและเดินตามแผนยุทธศาตร์ชาติ โดยไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทนทั้งสิ้น ซึ่งการลงพื้นที่ทุกครั้งไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือเตรียมการเพื่อรองรับการเลือกตั้ง
"ยืนยันอีกครั้งว่ามาครั้งนี้ ไม่ได้มาการเมือง ที่ไปสนามกีฬา เขารับผมตรงนั้น ผมก็ไปตรงนั้น เขารับตรงริมแม่น้ำ ผมก็ไปริมแม่น้ำ เขารับผมในป่า ผมก็ไปในป่า ผมจะไปบังคับใคร ในเมื่อประชาชนอยากเจอผม ผมก็อยากเจอเขา อย่าพูดจาให้เสียหาย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จากการลงพื้นที่ 2 วันที่ผ่านมา ทั้งที่ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ได้เห็นถึงความรัก ความสามัคคีปรองดองของประชาชน ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นกลไกสำคัญของชาติในการเดินหน้าประเทศที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
"นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนวิเศษ เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถจับต้องได้ และการเป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถบริหารประเทศได้ ต้องอาศัยความร่วมือจากรัฐมนตรี ข้าราชการ และประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่ม "คนอยากเลือกตั้ง" เตรียมเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มายังทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 22 พ.ค.นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้สังคมกลับไปดูพฤติกรรมที่ผ่านมาของกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะรัฐบาลย้ำมาตลอดว่าการเลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ และต่างประเทศให้การยอมรับ แต่เหตุใดกลุ่มคนเหล่านี้ถึงไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว หรือเป็นเพราะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนตัวเป็นห่วงอนาคต เพราะแกนนำส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักศึกษา จึงอยากให้ยุติการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ เพราะไม่เกิดผลดีกับใคร โดยเฉพาะอนาคตของนักศึกษาและตัวผู้ปกครองเอง ที่สำคัญอาจส่งผลต่อการทำงานในอนาคต เพราะสถานประกอบการต่างๆ อาจกังวลการเคลื่อนไหวของนักศึกษาเหล่านี้ได้