องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยว่า ราคาอาหารยังคงทรงตัวในเดือนเมษายน หลังจากที่ปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 8 เดือนในช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ดัชนีราคาอาหารของ FAO อยู่ในระดับเฉลี่ยที่ 232 จุด ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจากเดือนมีนาคม แต่สูงกว่าสถิติเดือนเดียวกันในปี 2553 อยู่ 36% และต่ำกว่าระดับสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพียงแค่ 2%
การปรับตัวลดลงของราคาน้ำตาลและข้าวช่วยให้ดัชนีมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ราคาสินค้าอาหารอื่นๆ เกือบทั้งหมดในตลาดโลกยังมีความแข็งแกร่ง
เดวิด แฮลแลม ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าและและการตลาดของ FAO กล่าวว่า "การอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธัญพืช"
"เนื่องจากอุปสงค์ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง การกลับคืนสู่ภาวะปกติของราคาส่วนใหญ่จึงขึ้นอยู่กับการเพิ่มผลผลิตในปี 2554 และการเพิ่มปริมาณสำรองธัญพืชในฤดูกาลใหม่" นายแฮลแลมกล่าว
FAO คาดว่า ถึงแม้ว่าผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นราว 3.5% ขณะที่ผลผลิตข้าวอาจเพิ่มขึ้น 3% สต๊อกธัญพืชทั่วโลกสำหรับฤดูการเพาะปลูกที่สิ้นสุดในปี 2554 คาดว่า จะมีปริมาณที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ส่วนใหญ่เป็นเพราะสต๊อกธัญพืชที่หมดไป
FAO ระบุว่า ยอดสต๊อกข้าวสาลีทั่วโลกก็คาดว่าจะลดลงเช่นเดียวกัน แต่สัดส่วนสต๊อกข้าวสาลีต่อการบริโภคจะยังคงเป็นที่น่าพอใจ ในขณะที่สต๊อกข้าวคาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้น
อับโดลเรซา อับบาสเซียน นักวิเคราะห์ธัญพืชของ FAO กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองที่ดีต่อภาวะการผลิตธัญพืชในปี 2554 ในช่วงก่อนหน้านี้ แต่สภาพอากาศในเดือนต่อๆไปถือว่ามีความสำคัญมาก"
"สำหรับภาวะการผลิตปี 2553 ในปีที่แล้ว สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ทำให้แนวโน้มการผลิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยในกลุ่มธัญพืชทั้งหมดนั้น ข้าวโพดน่าเป็นห่วงที่สุด" นายอับบาสเซียนกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน