สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ปี 2554 ขยายตัว 9.5% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 9.7%
ส่วนจีดีพีในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 ขยายตัว 9.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
การเปิดเผยข้อมูลจีดีพีมีขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนเปิดเผยในการประชุมหลายครั้งจนถึงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจีนจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความผันผวนครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจมีการขยายตัว ขณะเดียวกันก็ควรจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของจีดีพีไว้ประมาณ 8% และกำหนดเพดานการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ไว้ที่ 4% ในปีนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีการขยายตัวในระดับปานกลาง และจะไม่นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง
นายเฉิน ไลยุน โฆษก NBS เปิดเผยว่า ข้อมูลสถิติในเบื้องต้นของ NBS ระบุว่า มูลค่าของจีดีพีในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ระดับ 20.45 ล้านล้านหยวน (3.15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นายเฉินระบุว่า การขยายตัวของจีดีพีครึ่งปีแรกชะลอตัวลงเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหภาค แต่ก็ถือเป็นการใช้มาตรการตามปกติ หลังจากที่รัฐบาลได้ยุติการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบางด้าน นอกจากนี้ นายเฉินกล่าวว่า แม้สัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจบางด้านชะลอตัวลง แต่เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวได้ดี และมีการเคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับมาตรการควบคุมเศรษฐกิจมหาภาคที่มีการบังคับใช้ในช่วงครึ่งปีแรก
"ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงแข็งแกร่ง และความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวอย่างรุนแรงก็มีน้อยมาก" นายเฉินกล่าว