สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งขึ้น 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 5% และสูงกว่าเพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 4% สำหรับปีนี้
ข้อมูลจาก NBS ระบุว่า ราคาอาหารซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3ของราคาสินค้าสินค้าที่คำนวณในดัชนี CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.8% ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 11%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนพยายามควบคุมเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 6.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. นอกจากนี้ จีนยังได้ปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) จำนวน 6 ครั้งในปีนี้ เพื่อควบคุมไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้มากเกินไป
นายเฉิน ไล่หยุน โฆษก NBS กล่าวว่า นโยบายการเงินแบบระมัดระวังของรัฐบาลกำลังส่งผลในด้านบวกเมื่อพิจารณาจากการควบคุมสภาพคล่อง และยังช่วยลดแรงกดดันด้านราคาด้าน
นอกจากนี้ นายเฉินกล่าวว่า จีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ค่อนข้างสูง และรัฐบาลควรยึดมั่นในนโยบายควบคุมเงินเฟ้อ และควรเพิ่มการอุดหนุนผู้ที่มีค่าแรงต่ำ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
นายหลี่ เตากุย หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของจีนคาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนจะขยายตัว 4.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในปี 2554