กิจกรรมการผลิตในออสเตรเลียหดตัวลงต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม เนื่องจากภาคการผลิตยังคงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่ดุเดือดในต่างประเทศ รวมถึงเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่า
โดยดัชนีกิจกรรมภาคการผลิต (PMI) ของออสเตรเลียน อินดัสทรี กรุ๊ป/ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) หดตัวลง 0.1% ในเดือนสิงหาคม สู่ระดับ 43.3 จุด โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 จุดถือว่ากิจกรรมการผลิตหดตัว ซึ่งดัชนีดังกล่าวก็อยู่ต่ำกว่า 50 จุด เป็นเวลา 5 เดือนตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552
เฮทเธอร์ ริเดาท์ หัวหน้าผู้บริหารออสเตรเลียน อินดัสทรี กรุ๊ป กล่าวว่า บรรดาผู้ผลิตกำลังเผชิญกับสภาพการทำธุรกิจที่ท้าทายสุดขีด อันเป็นผลมาจากเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่า อุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา และการแข่งขันในต่างประเทศที่มีมากขึ้น
"ภาคการผลิตมีอนาคตที่สดใสในออสเตรเลีย แต่รัฐบาลก็ต้องมีความเด็ดขาดและมีกลยุทธ์ระยะยาวสำหรับภาคการผลิต เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ดีที่สุด เพื่อให้ภาคการผลิตเจริญเติบโตและอยู่รอดในช่วงที่อุตสาหกรรมทรัพยากรกำลังเฟื่องฟู" เธอกล่าว
ขณะเดียวกัน แกรม บิลลิ่งส์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของ PwC Australian กล่าวว่า การพัฒนานวัตกรรมและความสามารถในการผลิต เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มั่นใจว่าผู้ผลิตจะอยู่รอดได้ในระยะยาว
"ผู้ประกอบธุรกิจต้องพัฒนานวัตกรรมต่างๆด้วยตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็ต้องให้การสนับสนุนตามความเหมาะสมในช่วงเวลาที่มีแต่ความไม่แน่นอนเช่นนี้" เขากล่าว
ดัชนีดังกล่าวยังระบุด้วยว่า มีเพียง 2 จาก 12 ภาคส่วนย่อยที่มีกิจกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ได้แก่ การผลิตอาหารและเครื่องดื่ม กับการผลิตเสื้อผ้าและรองเท้า สำหรับภาคส่วนย่อยที่มีการผลิตร่วงลงชัดเจนคือ การผลิตกระดาษ สิ่งพิมพ์ สิ่งทอ โลหะอุตสาหกรรม และอื่นๆ
ขณะเดียวกันภาคการผลิตก็ส่งสัญญาณว่าจะซบเซาลงอีก หลังจากที่บริษัท บลูสโคป สตีล ประกาศว่าจะปลดพนักงาน 1,000 คน ขณะที่สหภาพการค้าหลายแห่งก็กระตุ้นให้วุฒิสภาพยายามกระตุ้นการผลิตในประเทศก่อนที่จะมีการปลดพนักงานไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะ 110.81 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย ณ วันที่ 27 กรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2526 สำนักข่าวซินหัวรายงาน