ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) เห็นพ้องให้ร่นระยะเวลาการใช้กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้เร็วขึ้นจากเดิมหนึ่งปี โดยกำหนดว่าจะเปิดใช้ ESM ในเดือนก.ค. 2555 ส่วนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) จะยังคงดำเนินงานต่อไปจนถึงกลางปี 2556
ทั้งนี้ ผู้นำอียูเห็นพ้องต้องกันว่า ควรเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กองทุน EFSF ผ่านทางมาตรการค้ำประกันบางส่วน และผ่านทางกองทุนการลงทุนร่วม อย่างไรก็ ผู้นำยูโรโซนไม่ได้อนุญาตให้กองทุน ESM ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคาร เพราะเกรงว่าถ้าหาก ESM ได้รับสถานะเป็นธนาคารแล้ว ESM ก็จะได้รับสิทธิในการกู้เงินจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งจะเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอียู
ผู้นำอียูตัดสินใจว่าจะให้กองทุน ESM และ EFSF ดำเนินการพร้อมกันในช่วงกลางปี 2555 ไปจนถึงกลางปี 2556 โดยผู้นำอียูจะตัดสินใจในเดือนมี.ค. 2555 ว่า จำเป็นจะต้องแก้ไขข้อตกลงที่ทำไว้ในช่วงก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า ความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนสองแห่งนี้รวมกันต้องมีขนาดไม่เกิน 5 แสนล้านยูโร
นอกเหนือจากการร่นระยะเวลาการใช้กองทุน ESM แล้ว ที่ประชุมอียูยังได้พิจารณาเรื่องจัดหาเงินทุนวงเงิน 2 แสนล้านยูโรให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อช่วยให้ไอเอ็มเอฟมีศักยภาพในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินยูโรโซนได้มากขึ้น โดยประเทศสมาชิกยูโรโซนและสมาชิกอียู จะยืนยันภายในเวลา 10 วันว่า จะอนุมัติให้มีการจัดหาเงินทุนมูลค่าดังกล่าวให้กับไอเอ็มเอฟหรือไม่
ทั้งนี้ ESM เป็นกองทุนถาวรที่ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซน โดยจะทำหน้าที่แทนกองทุน EFSF ซึ่งเป็นกองทุนชั่วคราวที่มีวงเงิน 4.40 แสนล้านยูโร