สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่ยูโรดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยววิกฤตหนี้และผลกระทบที่มีต่อภาคธนาคารของยุโรป
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.45% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.2722 ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2780 ยูโร และดีดตัวขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.5425 ปอนด์ จากระดับ 1.5482 ปอนด์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้น 0.21% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9550 ฟรังค์ จากระดับ 0.9530 ฟรังค์ แต่อ่อนตัวลง 0.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 77.010 เยน จากระดับ 77.170 เยน
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.17% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0229 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0246 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ขยับขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7810 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7801 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 7% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพและสะท้อนถึงภาระหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องแบกรับในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ ซึ่งเป็น "ระดับขยะ" จากเดิมที่ระดับ BBB- เนื่องจากสถานะการคลังที่ย่ำแย่ของรัฐบาลฮังการี