นายหม่า จูน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารดอยช์ แบงก์ ระบุในรายงานภาวะเศรษฐกิจจีนของธนาคารว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะขยายตัวในอัตรา 8.3% ต่อปีในปีนี้
นายหม่าระบุว่า เนื่องจากเศรษฐกิจได้ถูกฉุดรั้งโดยการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และการส่งออกที่ลดลง เศรษฐกิจจีนจึงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงในไตรมาสแรกของปี 2555 และคาดว่า อัตราการขยายตัวต่อปีของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ระหว่าง 6-7%
อย่างไรก็ตาม คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในอัตราที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สอง และจะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าปีก่อนในไตรมาสที่ 3 นายหม่ากล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนได้ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา โดยอัตราการขยายตัวของจีดีพีลดลงสู่ระดับ 9.1% ต่อปีในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับการขยายตัวที่ระดับ 9.5% ในไตรมาสที่ 2 และ 9.7% ในไตรมาสแรก
"การฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2 และ 3 ส่วนใหญ่นั้นเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในเขตยูโรโซน รวมทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการด้านงบประมาณที่กระตุ้นการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐบาล" นายหม่ากล่าว
นอกจากนี้ เขากล่าวต่อไปว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนจะขยายตัวในอัตราที่ช้าลงอย่างมากเมื่อเทียบเป็นรายปีที่ระดับ 2.8% ในปีนี้ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า อัตราการขยายตัวจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 หลังจากที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบปีในไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.2% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผ่อนคลายลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 6.5% ในเดือนกรกฎาคม แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวขยายตัวขึ้นทั้งหมด 5.5% ต่อปีในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการขยายตัวตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่กำหนดไว้เพียง 4%
นายหม่าระบุว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับลดเพดานกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงอีก 3-4 ครั้งในปี 2555 ในขณะที่เงินหยวนจะแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% ในปีนี้
ด้านยอดงบประมาณรายปีที่ขาดดุล นายหม่าระบุว่า อาจจะสูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย เนื่องจากนโยบายด้านการคลังและการออกพันธบัตรที่มีเป้าหมายเพื่อการสร้างบ้านสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย การก่อสร้างเส้นทางรถไฟและผลิตภัณฑ์เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โครงสร้างการลดหย่อนภาษี และการบริโภค สำนักข่าวซินหัวรายงาน