นายจ้าว ซีจุน คณบดีคณะงบประมาณและการเงินแห่งมหาวิทยาลัยเรนมิน ยูเวอร์ซิตี้ ออฟ ไชน่า กล่าวเตือนว่า จีนควรจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นจะครบกำหนดการจ่ายชำระหนี้เป็นจำนวนถึง 1.84 ล้านล้านหยวนในปีนี้ หลังมียอดหนี้สิน ณ สิ้นปี 2553 เป็นจำนวนสูงถึง 10.7 ล้านล้านหยวน โดยรายงานของสำนักงานตรวจสอบบัญชีแห่งชาติที่เปิดเผยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาระบุว่า 79% ของยอดดังกล่าวเป็นการกู้ยืมจากธนาคาร
นายจ้าวกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้กู้ยืมเงินเพื่อป้องกันปัญหาจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 หลังรัฐบาลจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ซึ่งครบกำหนดชำระในปีนี้
ข้อมูลสถิติของสำนักงานตรวจสอบบัญญชีแห่งชาติบ่งชี้ว่า ยอดหนี้สินจำนวน 10.7 ล้านล้านหยวน เป็น การกู้ยืมสำหรับโครงการสาธารณูปโภคและรัฐบาลท้องถิ่นผ่านหน่วยงานระดมทุนถึง 70% ส่งผลให้ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของหน่วยงานระดมทุนของรัฐบาลท้องถิ่นได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ถึงแม้ว่าจีนจะคุมเข้มในเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ โดยหนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งรายงานว่า หน่วยงานระดมทุนของมณฑลเหลียวหนิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนมียอดผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่า 85% ในปี 2553
ด้านนายเหอ ซีจุน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารไชน่า อากริคัลเจอร์ แบงก์ ระบุว่า "รัฐบาลจีนควรดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับยอดงบดุลธนาคาร เพื่อให้มีเวลาทำงานมากขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจขยายตัว"
ทั้งนี้ ยอดหนี้สินส่วนใหญ่ของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค โดย 36.72% เพื่อแผนการพัฒนาเขตเมืองและอีก 24.89% เป็นการลงทุนด้านขนส่งมวลชน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า เม็ดเงินลงทุนในทรัพย์สินถาวรของรัฐบาลท้องถิ่นมีการขยายตัวอย่างน้อย 26% ในปี 2554 ในขณะที่รัฐบาลกลางได้เริ่มควบคุมความร้องแรงของโครงการดังกล่าวลง
นายจิน ตงเฉิน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสรรพากรชี้ว่า เรื่องดังกล่าวโยงไปถึงปัญหาอื่นๆ ของจีน ซึ่งรวมไปถึงการชะลอตัวลงอย่างมากของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยระบุว่า เนื่องจากที่ดินมีจำกัด การพึ่งพาการ ขายที่ดินเพื่อชำระหนี้อย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ
นายจินได้ตั้งข้อสังเกตว่า "ความเสี่ยงเกิดจากการที่ระฐบาลท้องถิ่นได้ลงทุนเป็นจำนวนมากและอาจจะไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ที่ครบกำหนดได้ เนื่องจากยอดการใช้จ่ายมีสูงกว่ารายได้ของรัฐบาล ด้วยเหตุผลดังกล่าว รัฐบาลท้องถิ่นจึงได้เริ่มระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรของเทศบาลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นทางเลือกแทนการกู้ยืมจากธนาคาร"
ทั้งนี้ นายจ้าวได้ยกตัวอย่างวิกฤติหนี้สินในยุโรปว่า กรณีศึกษาจากวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินของจีนมีความโปร่งใสมากขึ้น และเชื่อว่าจีนจะใช้ความรอบคอบในเรื่องดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
บทวิเคราะห์โดย ติง เหล่ย จากสำนักข่าวซินหัว