ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่า เหตุตลาดไม่มั่นใจมาตรการอีซีบี

ข่าวต่างประเทศ Saturday August 11, 2012 07:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่ามาตรการที่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะนำมาใช้นั้น จะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนได้

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.10% แตะที่ 1.2293 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2305 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.27% แตะที่ 1.5679 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5637 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 78.270 เยน จากระดับ 78.550 เยน และพุ่งขึ้น 0.12% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9769 ฟรังค์ จากระดับ 0.9757 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.05% แตะที่ 1.0572 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0577 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เพิ่มขึ้น 0.20% แตะที่ 0.8131ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8115 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่ามาตรการที่คาดว่าอีซีบีจะนำมาใช้นั้น จะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนได้ เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนอ่อนแอลงมาก โดยหนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานการเปิดเผยของกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีที่ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวปานกลางในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งชะลอลงจากไตรมาสแรก

ทั้งนี้ รายงานเศรษฐกิจประจำเดือนส.ค.ของกระทรวงระบุถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจของเยอรมนี พร้อมชี้ว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจจะเผชิญความเสี่ยงรุนแรงหลายประการจากสถานการณ์ในยุโรปที่ยังย่ำแย่ นอกจากนี้ รายงานระบุว่าการส่งออกของเยอรมนีจะได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้นจนส่งผลให้การค้าต่างประเทศซบเซาในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์ที่ทำการสำรวจโดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6% ในปีหน้า จากที่คาดการณ์ไว้ในระดับ 1%

สำนักงานสถิติของฝรั่งเศส (Insee) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสในเดือนมิ.ย.ไม่มีการขยายตัว หลังจากที่การผลิตหดตัวลง 2.1% ในเดือนพ.ค.

ส่วนในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก โดยมีปัจจัยถ่วงจากการผลิตในภาคการผลิต ซึ่งลดลง 1.2% จากไตรมาสแรก และร่วงลง 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยนั้น ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 1.0% ซึ่งชะลอลงหลังจากที่การส่งออกพุ่งขึ้น 11.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% หลังจากดีดตัวขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ค.ของจีนร่วงลงสู่ระดับ 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.

ขณะเดียวกัน NBS รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัว 1.8% ในเดือนก.ค. จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอลงจากระดับ 2.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.ลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากปรับลง 2.1% ในเดือนมิ.ย. สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ