(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 29.70/72 เคลื่อนไหวตามทิศทางภูมิภาค นลท.รอการประชุม กนง.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 16, 2013 11:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 29.70/72 บาท/ดอลลาร์ แข็งจากเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.73/75 บาท/ดอลลาร์
"เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวตามภูมิภาค เพราะหุ้นญี่ปุ่นเปิดมาตอนเช้าเป็นบวก ดาวโจนส์เป็นบวก เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดบอนด์และตลาดหุ้นบ้านเรา ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมามีทั้งดีและไม่ดีผสมกัน"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน มองว่า เวลานี้บ้านเรายังคงให้ความสำคัญกับเรื่องมาตรการและนโยบายการเงินที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะประชุมกันในวันที่ 29 พ.ค.นี้

ซึ่งในวันนี้หอการค้าไทยก็จะเข้าพบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดังนั้นคาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 29.55-29.80 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 29.6750 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.35451%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 29.7330 บาท/ดอลลาร์
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.12/14 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2873/2875 ดอลลาร์/ยูโร
  • สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศในยูโรโซนหดตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร ขานรับข้อมูลที่ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐปรับตัวขึ้นเกินคาด

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2876 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2937 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ทรงตัวที่ 1.5221 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9872 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9878 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 102.31 เยน จากระดับ 102.3 เยน แต่ขยับลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9656 ฟรังค์ จากระดับ 0.9658 ฟรังค์

  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงในไตรมาสแรกปีนี้ ขยายตัว 3.5% ต่อปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและยอดการส่งออก
  • ตลาดหุ้นเอเชียขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารญี่ปุ่นร่วงลงหลังคาดการณ์ว่าผลประกอบการของธนาคารหลายแห่งจะปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวบดบังรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของญี่ปุ่นขยายตัว 3.5% ต่อปีในไตรมาสแรกปีนี้ ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษปรับเพิ่มคาดการร์เศรษฐกิจอังกฤษซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศของยูโรโซนหดตัวลง
  • กระทรวงการคลังสหรัฐรายงานว่า การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทั้งหมดโดยต่างชาติได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ยืดเยื้อ
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค.ลดลงผิดคาดแตะ -1.4 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ดัชนีติดลบนับแต่เดือนม.ค.ปีนี้
  • นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย จะนำคณะกรรมการหอการค้าแต่ละภาคอุตสาหกรรม พร้อมด้วยสมาคมธนาคารไทย เข้าพบนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อสะท้อนปัญหาการดำเนินธุรกิจ และผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา
  • วันนี้กระทรวงพาณิชย์ จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยได้เชิญตัวแทนเอสเอ็มอีทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ เข้ามาระดมความคิดเห็นและรับฟังข้อมูลความช่วยเหลือของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่นัดถกทูตพาณิชย์ทบทวนเป้าหมายส่งออก 21 พ.ค. นี้
  • นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า หลังการประกาศตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว ธปท.จะรวบรวมข้อมูลเครื่องชี้เศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภาวะเงินทุนเคลื่อนย้าย และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไประดับหนึ่งเพื่อจัดทำรายงานส่งให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นข้อมูลภาวะเศรษฐกิจประกอบการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 29 พ.ค.นี้
  • นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 29 พ.ค.นี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% เนื่องจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 5% อัตราเงินเฟ้อยังควบคุมได้ไม่เกิน 3% ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มเคลื่อนไหว ทรงตัว และมีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.75% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบันมีความเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ ไม่ได้เป็นภาระต่อต้นทุนผู้ประกอบการมากเกินไป
  • สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออกข้าวปีนี้เหลือ 6.5 ล้านตัน และอาจมีสิทธิลดเหลือ 6 ล้านตัน ต่ำสุดในรอบ 12 ปีจากนโยบายรับจำนำข้าว-บาทแข็ง ทำให้ข้าวไทยเสียเปรียบสู้คู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม พร้อมร้องขอให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ร่วมมือกันดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ