คณะกรรมการ FOMC พยายามที่จะสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวในระดับสูงสุดและสร้างเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งสอดคล้องกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเฟด คณะกรรมการคาดว่า ด้วยการผ่อนคลายนโยบายอย่างเหมาะสม เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวในอัตราปานกลางและอัตราว่างงานจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่ระดับที่คณะกรรมการพิจารณาว่าสอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการ คณะกรรมการยังคงมองว่ามีความเสี่ยงช่วงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ซึ่งได้ลดลงนับแต่ฤดูใบไม้ร่วง และยังคาดว่าเงินเฟ้อในระยะกลางมีแนวโน้มจะอยู่ที่หรือต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2%
ทั้งนี้ เพื่อที่จะหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้นและเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในอัตราที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลัก 2 ประการของเฟดมากที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปนั้น คณะกรรมการได้ตัดสินใจที่จะยังคงเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในวงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้นวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน คณะกรรมการยังคงดำเนินนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันต่อไปในการนำเงินต้นที่ได้รับจากการถือครองตราสารหนี้ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ไปลงทุนใหม่ใน MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และจะเข้าซื้อพันธบัตรชุดใหม่เมื่อพันธบัตรเดิมครบกำหนดไถ่ถอนในการประมูล โดยมาตรการเหล่านี้น่าจะยังคงสร้างแรงกดดันช่วงขาลงต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว ช่วยหนุนตลาดจำนอง และช่วยทำให้ภาวะทางการเงินในวงกว้างมีความผ่อนคลายมากขึ้น
คณะกรรมการจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมีการเปิดเผยและความคืบหน้าทางการเงินในช่วงหลายเดือนข้างหน้าอย่างใกล้ชิด คณะกรรมการจะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและ MBS ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน รวมทั้งใช้เครื่องมือด้านนโยบายอื่นๆตามความเหมาะสมจนกว่าแนวโน้มของตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมากตามบริบทของความมีเสถียรภาพด้านราคา คณะกรรมการพร้อมที่จะเพิ่มหรือลดอัตราการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวเพื่อให้การผ่อนคลายด้านนโยบายยังคงมีความเหมาะสม เมื่อแนวโน้มของตลาดแรงงานหรือเงินเฟ้อมีการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนในการตัดสินใจเกี่ยวกับขนาด อัตราความเร็วและองค์ประกอบของการซื้อสินทรัพย์นั้น คณะกรรมการจะยังคงพิจารณาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและต้นทุนที่มีความเป็นไปได้ของการซื้อดังกล่าว รวมทั้งขอบเขตของความคืบหน้าสู่เป้าหมายทางเศรษฐกิจ
ในส่วนของการสนับสนุนให้มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องสู่การจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคานั้น คณะกรรมการคาดว่าท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินจะยังคงมีความเหมาะสมต่อไปเป็นระยะเวลานานหลังจากแผนการซื้อสินทรัพย์สิ้นสุดลงและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง โดยคณะกรรมการได้ตัดสินใจที่จะคงช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ไว้ที่ 0-0.25% และคาดว่าช่วงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับต่ำเป็นพิเศษนี้จะมีความเหมาะสมต่อไป ตราบเท่าที่อัตราว่างงานยังคงสูงกว่า 6.5%, มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ที่คณะกรรมการกำหนดไว้ไม่เกิน 0.5% และการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ สำหรับการตัดสินใจว่าจะยังคงมีท่าทีที่ผ่อนคลายอย่างมากด้านนโยบายการเงินเป็นระยะเวลานานเพียงใดนั้น คณะกรรมการก็จะพิจารณาข้อมูลอื่นๆด้วย ซึ่งรวมถึงการประเมินเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน, ปัจจัยชี้วัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ และการประเมินความคืบหน้าทางการเงิน เมื่อคณะกรรมการตัดสินใจที่จะเริ่มยกเลิกการผ่อนคลายด้านนโยบายนั้น ก็จะใช้วิธีที่มีความสมดุล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ 2%
สำหรับผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ได้แก่ เบน เอส. เบอร์นันเก้ ประธานเฟด, วิลเลียม ซี. ดัดลีย์ รองประธานเฟด, เอลิซาเบธ เอ. ดุค, ชาร์ลส์ แอล. อีแวนส์, เจอโรม เอช. เพาเวล, ซาราห์ บลูม รัสกิน, เอริค เอส. โรเซนเกรน, เจเรมี ซี. สเตน, แดเนียล เค. ทารุลโล และเจเน็ต แอล. เยลเลน
ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายดังกล่าว คือ เจมส์ บูลลาร์ด ซึ่งกล่าวว่าคณะกรรมการควรส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นถึงความเต็มใจในการปกป้องเป้าหมายเงินเฟ้อ หลังจากมีการประเมินเงินเฟ้อที่ระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมา และ เอสเธอร์ แอล. จอร์จ ซึ่งวิตกว่าการผ่อนคลายทางการเงินอย่างมากอย่างต่อเนื่องได้เพิ่มความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะไร้สมดุลทางเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต และอาจเป็นเหตุให้การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวเพิ่มขึ้น