เงินบาทเปิด 31.82/84 อ่อนค่าจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่หนุน จับตา Fund Flow

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 24, 2014 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.82/84 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.78/79 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากเมื่อวาน ปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางของค่าเงินบาทวันนี้มาจากเป็นปัจจัยหลักในเรื่องของเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นไทย และเป็นสาเหตุหลักสำหรับระยะนี้ที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่า

"เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยจากเมื่อวาน แต่วันนี้คงแกว่งอยู่ในกรอบไม่ต่างจากเดิมมากนัก บ้านเราวันนี้คงต้องดูที่ flow เหมือนเดิม เพราะที่บาทแข็งค่าขนาดนี้ก็เพราะเรื่อง flow ส่วนปัจจัยต่างประเทศก็คงเรื่องเดิมๆ ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เพื่อจะดูว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.77-31.87 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.54/56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 101.36 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3459/3462 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3464 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 31.7740 บาท/ดอลลาร์
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทในวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ระดับ 31.77-31.80 บาท/เหรียญสหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเช้าที่เปิดตลาด 31.76 บาท/เหรียญสหรัฐ โดยระหว่างวันการซื้อขายเงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 31.86 บาท/เหรียญสหรัฐ แข็งค่าสุดที่ระดับ 31.74 บาท/เหรียญสหรัฐ
  • คสช.ตั้งประธานบอร์ด 4 แบงก์รัฐ "เกริก-สาลินี" มือดีแบงก์ชาติคุม "ธอส.-เอสเอ็มอีแบงก์" ส่วน "สมชัย-ชัยวัฒน์" คุม "ออมสิน-แบงก์อิสลาม" ไม่พอส่งทหารคุมบอร์ด "รฟม.-กทพ." ส่วนบอร์ด ขสมก. ให้ "พล.ต.อ.เอก" คุม ด้านปลัดคมนาคมเผยบอร์ดในสังกัดสมบูรณ์ พร้อมเดินหน้าผลักดันนโยบายแล้ว
  • ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้(23 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงทั้งในยูเครนและฉนวนกาซา โดยดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อเทียบยูโร ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และมีความวิตกเกี่ยวกับการคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้น ซึ่งได้ถ่วงค่าสกุลเงินยูโร เนื่องจากรัสเซียเป็นคู่ค้ารายสำคัญกับกลุ่มประเทศในยุโรปบางประเทศ
  • ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยดัชนี MSCI Asia Pacific Index เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 148.50 จุด เมื่อเวลา 09.50 น.ตามเวลาโตเกียว หลังจากที่ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ 2% พร้อมคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะอยู่ที่ 6.4% ในปีนี้ ส่วนเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 1.8% และอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจาก 0.1% ในปีนี้ เป็น 0.3% และ 1.2% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
  • สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 30 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,070 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ โดยราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,305.64 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 3.25 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.75 ดอลลาร์ฮ่องกง
  • การประมาณการเบื้องต้นจากคณะกรรมาธิการยุโรป(อีซี) เผยให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ค. โดยรายงานระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นสำหรับ 18 ประเทศสมาชิกยูโรโซนลดลงแตะ -8.4 จาก -7.5 ในเดือนมิ.ย. ในขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นสำหรับ 28 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปลดลง 1.2 จุด แตะที่ -5.5 จุด ทั้งนี้ อีซีมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายในวันที่ 30 ก.ค.นี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่าการคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ ปิดที่ 103.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอนเพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 108.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น เปิดเผยในรายงานเบื้องต้นว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 8.222 แสนล้านเยนในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำสถิติขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 24 โดยยอดส่งออกหดตัว 2.0% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 8.4% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ