สำหรับสาเหตุที่เงินเฟ้อจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นนั้น เป็นผลมาจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปี อันเป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นในประเทศแถบตะวันตก ซึ่งการที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วยจะส่งผลให้ราคาน้ำมันที่นำเข้าแพงขึ้นและมีผลต่อดัชนี CPI
"แนวโน้มเงินเฟ้อในครึ่งปีหลังอยู่ในช่วงขาขึ้นตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และมองว่าปลายปีราคาน้ำมันจะขึ้นมาก จึงทำให้ CPI เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวที่ทางฝั่งตะวันตกมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น มีผลดึงดัชนีให้เพิ่มขึ้น" นายสมเกียรติ ระบุ
ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่าจะยังลดลง 1.1% แต่อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากประชาชนยังมีความต้องการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุที่อัตราเงินเฟ้อในแต่ละเดือนยังติดลบนั้นเป็นผลสำคัญจากราคาน้ำมันที่ลดลง และทำให้ต้นทุนสินค้าต่างๆ ปรับตัวลดลงตาม
"ตัว Core CPI ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ที่ CPI ลดลง เป็นเพราะราคาน้ำมันยังต่ำ ทำให้ราคาสินค้าลดลงตาม ไม่ใช่ภาวะของเงินฝืด เพราะตอนนี้คนไม่ได้ไม่อยากซื้อของ แต่ต้นทุนสินค้าและบริการมันลดลงตามราคาน้ำมัน" นายสมเกียรติ กล่าว
ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.นั้น มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งปีไม่มากนัก โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์พบว่า หากมีการลดดอกเบี้ยลง 1% จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.03% ต่อปีเท่านั้น