เงินบาทปิด 35.08 ตลาดรอดูผลประชุมกนง.-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 3, 2015 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.08 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 35.06/07 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.09 บาท/ดอลลาร์ ตามแรงซื้อขาย ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา
"วันนี้เคลื่อนไหวค่อนข้างกว้างลงไปแตะ 35(บาท/ดอลลาร์) ตามแรงซื้อขาย" นักบริหารเงิน กล่าว

โดยปัจจัยที่ตลาดจับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.58 ซึ่งคาดการณ์ว่า กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปีเช่นเดิม นอกจากนี้ยีงมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐ

นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้จะอยู่ในกรอบระหว่าง 35.00-35.15 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.16 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 124.00 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0968 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0972 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,442.04 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด, +0.13% มูลค่าการซื้อขาย 31,095.83 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,426.82 ล้านบาท(SET+MAI)
  • นายสมเกียรติ ศรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน ก.ค.58 อยู่ที่ 106.57 ลดลง 1.05% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.57 ขณะที่ตลาดคาดติดลบ 1.0% โดยยังเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
  • ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ระบุกรณีอัตราเงินเฟ้อติดลบอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะมองว่ามาจากปัจจัยเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องและปัจจัยจากค่าเงินเยนของญี่ปุ่นมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งจีน เกาหลีและไทย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของทุกประเทศ และเมื่อส่งออกไม่ดี ก็ส่งผลทำให้การนำเข้าสินค้าของประเทศใหญ่ๆลดลงไปด้วย
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 ส.ค.58 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีความยากลำบากในการตัดสินใจ เนื่องจากเหตุผลสนับสนุนการ ‘คง’ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีน้ำหนักไม่หนีไปจากทางเลือกในการ ‘ลด’ อัตราดอกเบี้ยมากนัก แต่คาดว่า ธปท.จะเลือก‘คง’อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อน เพื่อรอประเมินผลของเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อการส่งออก และแรงส่งของการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐในช่วงโค้งสุดท้ายของปีงบประมาณ 2558 ขณะเดียวกัน ก็ช่วยประคองเสถียรภาพการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไปควบคู่กัน
  • นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 5 ส.ค.ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ซึ่งในมุมมองของ บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิม เนื่องจากปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าลงมากว่า 4% จาก 31 บาท/ดอลลาร์ มาเป็น 34 บาท/ดอลลาร์แล้ว
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซีย เผยอัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 7.26% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ราคาอาหารและค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงการเฉลิมฉลองในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริในวันที่ 17-18 ก.ค. และเป็นช่วงที่มีผลกระทบอย่างมากต่อการขนส่ง โดยหากเทียบเป็นรายเดือนพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.93% ในเดือน ก.ค.จากระดับ 0.54% ในเดือน มิ.ย.
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์ในวันนี้ว่า ธนาคารกลางจีนได้จัดสรรเงินกู้ระยะกลาง (MLF) มูลค่า 2.5 แสนล้านหยวน ซึ่งมีระยะเวลา 6 เดือนให้แก่ธนาคารต่างๆ ที่อัตราดอกเบี้ย 3.35% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้รับเงินคืนจากเงินกู้จากโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) วงเงิน 3.84 แสนล้านหยวนซึ่งครบกำหนดในเดือน ก.ค. ส่งผลให้ธนาคารกลางจีนได้รับเงินถึง 3.8 แสนล้านหยวนภายใต้โครงการดังกล่าวภายในช่วงสิ้นเดือนก.ค.
  • คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน(NDRC) เผยเตรียมเร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 3 ประการในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อผลักดันกลไกสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจแหล่งใหม่ ประกอบด้วย โครงการเส้นทางเศรษฐกิจ Belt and Road, การร่วมมือพัฒนาเขตปักกิ่ง เทียนจิน และหูเป่ย รวมถึงโครงการพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ