(เพิ่มเติม1) "สมคิด"เผยมาตรการกระตุ้นศก.ส่วนแรก 1.3 แสนลบ.จะลงสู่ระบบภายในปีนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 1, 2015 15:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ว่า ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนแรกภายใต้วงเงินราว 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งจะเร่งรัดการใช้จ่ายให้เม็ดเงินลงสู่ระบบภายในปีนี้ เพื่อให้เห็นผลในระยะสั้นโดยเร็วจากการหมุนของเม็ดเงินดังกล่าว ต่อจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อฟื้นเศรษฐกิจในระยะต่อไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้จะนำเสนอมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME ให้ ครม.พิจารณา
"ไม่ใช่โครงการประชานิยมแน่ และไม่ได้ยืมใครมา อะไรที่ช่วยประชาชนได้ก็ต้องทำไม่ว่าจะพรรคการเมืองไหน"สมคิด กล่าว

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ชุดมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย มาตรการแรก เป็นการปล่อยเงินกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้านวงเงินราว 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสิน ซึ่งจะไม่คิดดอกเบี้ยใน 2 ปีแรก อายุโครงการ 7 ปี ไม่จำกัดวงเงินกู้ต่อราย แต่ขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่คณะกรรมการกองทุนฯจะเป็นผู้พิจารณา โดยรัฐบาลจะอุดหนุนภาระดอกเบี้ยให้ในช่วง 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3-7 ในอัตราดอกเบี้ยเท่ากับต้นทุนทางการเงิน (Financing Cost) บวกด้วยร้อยละ 1.0 ต่อปี เพราะเชื่อว่าปีที่ 3 เป็นต้นไปประชาชนจะสามารถหาเงินมาชำระคืนดอกเบี้ยได้ ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินที่รัฐบาลต้องรับภาระปีละ 2 พันล้านบาท

          มาตรการที่ 2 เป็นการเร่งรัดการใช้จ่ายสู่ระดับตำบลกว่า 7 พันตำบล ๆ ละ 5 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินราว 3.6 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาด้านต่าง ๆ รวมถึงการจ้างานในชุมชน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักดำเนินมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และเร่งรัดการใช้จ่ายเงินตามโครงการให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 เพื่อดำเนินโครงการที่มีการจ้างแรงงานหรือก่อให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้างสินค้า และบริการในจังหวัดในลักษณะดังต่อไปนี้ โครงการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เช่น การซ่อมแซมแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ การซ่อมแซมสถานพยาบาล โรงเรียน ตลาดกลาง และการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งขยะ เป็นต้น, โครงการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การปลูกพืชใหม่ที่มีตลาด การเปลี่ยนแปลงอาชีพ การสร้างฝาย และการปลูกต้นไม้หรือป่าชุมชน เป็นต้น และโครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพ               ของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมการประกอบอาชีพ การปรับปรุงซ่อมแซม ศูนย์เด็กเล็ก และศูนย์บริการผู้สูงอายุ เป็นต้น

และมาตรการที่ 3 เป็น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของโครงการขนาดเล็กโครงการละประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีเงินงบประมาณอยู่แล้ว 1.6 หมื่นล้านบาทที่จะเร่งให้เกิดการใช้จ่ายภายในปีนี้ และอีก 2.4 หมื่นล้านบาทจะเปิดให้ส่วนราชการของบประมาณในโครงการขนาดเล็กเพิ่มเติมได้ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ยกเว้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน ที่มีแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ จัดทำแผนการดำเนินการรายการที่มีลักษณะเป็นรายจ่ายลงทุนที่มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของหน่วยงาน วงเงินในการดำเนินการจัดซื้อ/จัดจ้าง รายการละไม่เกิน 1 ล้านบาท และต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 โดยให้ขอรับการจัดสรรงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

นอกจากนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กนี้ โดยเฉพาะรายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้ดำเนินการลงนามในสัญญาและเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม 2558

"การดำเนินมาตรการดังกล่าวข้างต้นจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และกระจายการลงทุนไปในพื้นที่ต่างๆ ในต่างจังหวัด ตลอดจนผลักดันให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่นและภูมิภาคอย่างทั่วถึง"นายอภิศักดิ์ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ