ผู้จัดคาดมหกรรมบ้านและคอนโดปีนี้มียอดจอง-ขายในงานกว่า 4 พันลบ. ชี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โตไม่ต่ำกว่า 5%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 15, 2018 12:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรัทภพ แพทยานันนท์ ประธานคณะกรรมการจัดงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 38 ประเมินว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากแรงหนุนของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มขยายตัวได้ดีขึ้น โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 61 จะเติบโตได้ 4% และส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยบวกด้านอื่นๆ เช่น การลงทุนต่อเนื่องของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการลงทุนในรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม, สายสีเหลือง และสายสีชมพู

ประกอบกับมีการลงทุนขยายโครงข่ายการคมนาคมอื่นๆ เช่น ทางด่วนขั้นที่ 3 เชื่อมวงแหวน รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการเตรียมพัฒนาโครงการอื่นๆ ที่เป็น Action Plan และการพัฒนาพื้นที่ในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยด้านการท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุนของภาคเอกชนที่มีการเติบโตขึ้นในช่วงนี้เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ธนาคารเริ่มกลับมาผ่อนปรนมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อลง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อบ้านมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ไนระดับที่ต่ำ และมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารมากขึ้น ทำให้เปิดโอกาสกับผู้ชี่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยและต้องการใช้สินเชื่อได้เข้าถึงได้มากขึ้น

สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 38 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 มี.ค.61 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานตลอด 4 วัน มากกว่า 100,000 คน และมียอดจองและขายในงานกว่า 4 พันล้านบาท และมียอดขายต่อเนื่องหลังงานไม่น้อยกว่า 2 เท่า โดยในครั้งนี้จะเห็นการนำโครงการใหม่ๆ ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มาเสนอมากขึ้น ซึ่งเป็นโครงการใหม่ในหลากหลายทำเล และมีราคานำเสนอซึ่งเป็นราคาเปิดตัวในงานหลายโครงการ แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาที่ผู้ประกอบการจะเน้นการนำสต็อกมาเสนอขาย โดยในครั้งนี้มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมเกือบ 200 ราย และนำโครงการมาเสนอขายกว่า 1,000 โครงการ

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 61 ยังคงเติบโตได้อยู่ แม้ว่าจะถูกกดดันจากอัตราการปฏิเสธสินเชื่อและหนี้ครัวเรือนจะยังสูง แต่มีแนวโน้มที่ลดลงจากปีก่อน เพราะธนาคารเริ่มผ่อนคลายเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่ไม่เข้มงวดมากขึ้น โดยจะเห็นธนาคารขนาดกลางและเล็กรุกปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่จะมีการพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายโครงการ ส่วนกำลังซื้อของประชาชนปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 30-40 ปี ที่ยังมีกำลังซื้อที่ดี อีกทั้งยังได้กำลังซื้อจากลูกค้าชาวต่างชาติเพื่อเป็นการซื้อลงทุนและอยู่อาศัย จากชาวจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญและเริ่มมีบทบาทมากขึ้นต่อการขายที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการในปัจจุบัน

ด้านผู้ประกอบการนั้นยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายระดับและลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม แม้ว่าต้นทุนราคาที่ดินจะปรับสูงขึ้นมาก แต่จะต้องพัฒนาห้องชุดที่มีขนาดเล็กลง เพื่อขายในราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ โดยปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่จำนวน 29 รายแรก ที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันสูงถึง 80% ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กจึงต้องปรับตัวเพื่อไม่ทำตลาดแข่งกับรายใหญ่โดยตรง เช่น การลงทุนพัฒนาบ้านหรูกลางเมือง ราค 20-50 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนยูนิตน้อย แต่อย่างไรก็ตาม ฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของตลาดยังคงเป็นกลุ่มทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมราคา 100,000 บาท/ตารางเมตร ที่ยังมีความต้องการในตลาดสูงอยู่ในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ