ยอดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐในเดือนพ.ค.พุ่งทะลุ 300,000 หลัง ซึ่งทำสถิติทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1.8 ล้านหลังในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
บริษัท RealtyTrac Inc.ในแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า ยอดการยึดบ้านหลุดจำนองในเดือนพ.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 321,480 หลัง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้านี้
เจย์ บริกแมนน์ นักวิเคราะห์จากสมาคม Mortgage Bankers Association กล่าวกับทางบลูมเบิร์กว่า "ยอดบ้านหลุดจำนองมีมากกว่าบ้านที่ขายไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสหน้าเป็นอย่างต่ำ"
ทั้งนี้ การจ้างงานที่ลดลงประกอบการราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้ช้า เนื่องจากเจ้าของบ้านไม่สามารถหาเงินมาผ่อนชำระเงินกู้ได้ รวมถึงขอรีไฟแนนซ์ยากขึ้น
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อัตราว่างงานไต่ระดับขึ้นแตะที่ 9.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526 ขณะที่ดัชนีราคาบ้านของ S&P/Case-Shiller ใน 20 เมืองของสหรัฐตกลง 18.7% ในเดือนมี.ค.
ริก ชาร์กา รองประธานฝ่ายบริหารด้านการตลาดของ RealtyTrac เผยว่าบ้านที่จำนองไว้ในปี 2548 หรือก่อนหน้านั้นมีแนวโน้มที่จะถูกยึดมากขึ้น เนื่องจากอัตราว่างงานปรับตัวสูงขึ้น
แพทริก นิวพอร์ท นักวิเคราะห์จาก IHS Global Insight กล่าวว่า "จำนวนบ้านหลุดจำนองมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆซึ่งนั่นทำให้ธนาคารมีหนี้เสียมากขึ้น และจะทำให้ดุลบัญชีของธนาคารย่ำแย่ลงไปอีกหากอัตราการผิดนัดชำระหนี้ก็เพิ่มขึ้นด้วย"
จอห์น ซิม นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ยอดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐอาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 6.4 ล้านหลังในช่วงกลางปี 2554 ขณะที่ยอดขายบ้านหลุดจำนองค้างสต็อกที่รอปิดการขายส่อเค้าทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 2 ล้านหลังในกลางปีหน้า ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยในสหรัฐจะลดลง 39%