มาร์ค แฮนเซน ผู้อำนวยการของซีพีเอ็ม กรุ๊ป คาดว่า สัญญากาแฟอาราบิก้าตลาดนิวยอร์กอาจจะดีดตัวขึ้นถึง 24% สิ้นปีนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้แปรรูปกาแฟต้องการจัดเตรียมเพิ่มอุปทานกาแฟโรบัสต้าไว้ โดยราคาสัญญากาแฟอาราบิก้าในตลาดนิวยอร์กอาจจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับปิดเมื่อวานนี้ที่ 1.245 ดอลลาร์ ส่วนกาแฟโรบัสต้าในตลาดลอนดอนอาจจะพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1,600 ดอลลาร์ต่อเมตริคตัน จากระดับ 1,423 ดอลลาร์
แฮนเซนกล่าวต่อไปว่า กาแฟโรบัสต้าซึ่งส่วนใหญ่ถูกนำไปผลิตกาแฟสำเร็จรูป ส่วนเมล็ดกาแฟอาราบิก้าที่อ่อนกว่ามักจะถูกนำไปใช้ในร้านกาแฟชื่อดังกล่าวสตาร์บัคส์ กลุ่มผู้แปรรูปกาแฟใช้กาแฟทั้ง 2 ประเภทมาผสมผสาน ซึ่งความแตกต่างในการผสมผสานนั้นขึ้นอยู่กับต้นทุนและกาแฟที่มีอยู่ ราคาของสัญญากาแฟตลาดนิวยอร์กและลอนดอนมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน
บลูมเบิร์กรายงานว่า แฮนเซน กล่าวว่า ราคากาแฟโรบัสต้าอาจจะถูกเกินไป และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นกว่าเดิมในระยะใกล้นี้ ส่วนกาแฟอาราบิก้ามีแนวโน้มที่จะมีปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างมากกว่าเดิมในระยะยาว ดีมานด์กาแฟทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาก็อยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปสำหรับที่จะดึงดูดให้มีการผลิตมากกว่าเดิม
สัญญากาแฟโรบัสต้าตลาดลอนดอนกำลังส่งสัญญาณการดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อวันที่ 24 ส.ค. และเมื่อวานนี้ ราคาสัญญาก็ดีดตัวขึ้นถึง 4.9% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และส่งผลให้ราคากาแฟอาราบิก้าปรับตัวขึ้น 2.6% หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ โดยตลาดกาแฟลอนดอนที่ดีดตัวขึ้นอาจจะกระตุ้นให้สัญญากาแฟในตลาดนิวยอร์กปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
แฮนเซน กล่าวว่า ผลผลิตกาแฟโรบัสต้าที่สูงขึ้นโดยเฉพาะเวียดนามทำให้ราคาสัญญากาแฟในลอนดอนอ่อนตัวลง 8% ในปีนี้ ขณะที่อุปทานที่ตึงตัวในอเมริกากลางและโคลัมเบียทำให้ราคากาแฟอาราบิก้าปรับตัวขึ้น 11% โดยกาแฟโรบัสต้าอาจจะดีดตัวขึ้นจากยอดขายที่ลดลงในประเทศผู้ผลิตในแอฟริกาและเอเชีย โดยกาแฟโรบัสต้าได้รับผลกระทบเพราะมีอุปทานมากเกินไปจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้อุปทานต่างๆดูเหมือนจะถูกจองไว้แล้วและราคาก็อยู่ในระดับต่ำ ความวิตกกังวลจึงหันเหไปอยู่ที่สถานการณ์ด้านสภาพอากาศที่จะมีผลต่ออุปทานและผลผลิตกาแฟในปีนี้และปีหน้า