ที่ประชุม G7 มีมติร่วมมือสร้างเสถียรภาพค่าเงิน หนุนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 12, 2005 06:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การประชุมรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G7 ที่เมืองอิสตัลบลู ประเทศตุรกี ได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อกลางดึกวานนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยที่ประชุมมีมติร่วมมือกันเสริมสร้างเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก พร้อมกับเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก

"อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนและเคลื่อนไหวอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่บั่นทอนเสถียรภาพทั้งในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศและเศรษฐกิจโลก เราจึงต้องติดตามสถานการณ์ในตลาดปริวรรตเงินตราอย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมมือกันอย่างเหมาะสม" แถลงการณ์ G7 ระบุว่า ซึ่งในประเด็นนี้แทบจะไม่แตกต่างจากแถลงการณ์เมื่อมีการประชุมในเดือนเม.ย.ที่วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกันที่ประชุม G7 ยังเรียกร้องให้จีนหนุนสกุลเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นอีก เนื่องจากจีนได้ปล่อยให้สกุลเงินหยวนทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์มานับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกในเดือนก.ค.ปีพ.ศ.2551 อย่างไรก็ตาม กลุ่ม G7 กล่าวชื่นชมจีนที่พยายามทำให้เงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลกมีความสมดุลมากขึ้น

ส่วนในประเด็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น ที่ประชุม G7 ระบุว่า ความอ่อนแอของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้ชาติสมาชิกวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกของประเทศอื่นๆ ที่ประชุมจีงเรียกร้องให้สหรัฐจริงจังกับการสนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น ขณะที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐยืนยันต่อที่ประชุมว่า สหรัฐยังคงมีทัศนะว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ ที่ประชุม G7 มีมติร่วมมือกันใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อค่าเงินเพื่อให้ระบบการค้าโลกอยู่ในภาวะสมดุล พร้อมกับย้ำว่าประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ามากเกินไป เช่นจีนและญี่ปุ่น ก็ให้กระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ และประเทศที่มียอดขาดดุลการค้ามากเกินไป เช่นสหรัฐ ก็ให้เพิ่มอัตราการออมภายในประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติที่จะป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์เศรษฐกิจและการเงินเกิดขึ้นเหมือนกับในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการออกกฏข้อบังคับที่เข้มงวดในภาคการเงิน รวมถึงการเพิ่มเงินทุนในธนาคารพาณิชย์ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ชาติสมาชิก G7 ซึ่งประกอบไปด้วย สหรัฐ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะเปราะบางมาก โดยให้ใช้มาตรการดังกล่าวไปจนกว่าจะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจมีเสถียรภาพและขยายตัวอย่างยั่งยืน

บลูมเบิร์กรายงานว่า รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม G7 ยังคงพำนักอยู่ในเมืองอิสตัลบลูเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ต.ค.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ