อัตราการยึดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐในเดือนต.ค.พุ่งทะลุ 300,000 หลัง พร้อมทำสถิติทะยานขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากอัตราว่างงานที่พุ่งสูง ทำให้เจ้าของบ้านต้องเผชิญปัญหาในการชำระหนี้ผ่อนบ้านมากขึ้น
บริษัท RealtyTrac Inc.ในแคลิฟอร์เนีย เปิดเผยว่า ยอดการยึดบ้านหลุดจำนองในเดือนต.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 332,292 หลัง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้านี้ โดยบ้าน 1 หลังในทุกๆ 385 หลังจะได้รับเอกสารการยึดบ้าน แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลง 3% จากเดือนก.ย. และลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
สตีเฟ่น มิลเลอร์ หัวหน้าสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเนวาด้าในลาสเวกัสกล่าวว่า "ปัญหาเรื่องบ้านหลุดจำนองยังคงอยู่คู่กับชาวสหรัฐและจะสร้างแรงกดดันให้ราคาบ้านปรับตัวลดลง"
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วน 30% ของยอดขายบ้านโดยรวมในไตรมาส 3 เนื่องจากราคาระดับกลางลดลง 11% จากปีก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ระดับ 177,900 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 10.2% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานลดลง 190,000 ตำแหน่ง
บริษัท First American CoreLogic กล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มดีดตัวขึ้นภายในเดือนมี.ค.2553 โดยมูลค่าราคาบ้านที่มีราคาถูก จะฟื้นตัวเร็วกว่าบ้านที่มีราคาแพง
เจมส์ แซคซาซิโอ ซีอีโอของ RealtyTrac กล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "ปัจจัยลบที่สร้างแรงกดดันให้อัตราการยึดบ้านหลุดจำนองปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ สถานการณ์ในตลาดจำนองที่มีความเสี่ยงสูง ตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลง และอัตราว่างงานที่ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เรายังคงเห็นถึงการยึดบ้านหลุดจำนองในหลายๆรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว"
ทั้งนี้ รัฐเนวาดา มีอัตราการยึดบ้านหลุดจำนองมากที่สุดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 34 แต่อัตราการถูกยึดบ้านลดลง 4% จากปีก่อนหน้านี้ ขณะที่รองลงมาเป็นรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐฟลอริด้า