นายเจมส์ บุลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลว่า สหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินฝืดแบบเดียวกับญี่ปุ่นหากเศรษฐกิจอ่อนแอลง ซึ่งภาวะเงินฝืดจะลุกลามจนทำให้ราคาสินค้า มูลค่าที่อยู่อาศัย มูลค่าหุ้น และอัตราค่าแรงหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ นายบุลลาร์ดยังแนะนำให้คณะกรรมการเฟดทบทวนโครงการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลหากเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์อันเนื่องมาจากภาวะเงินฝืด
บุลลาร์ดซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) กำลังใช้สิทธิในการออกเสียงของตนเองในเอฟโอเอ็มอีเพื่อเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้าและมีแนวโน้มที่จะถดถอย
ทั้งนี้ บุลลาร์ดกล่าวว่า แม้ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ปัจจัยที่เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจกำลังเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้การซื้อพันธบัตรรัฐบาลจึงเป็นแนวทางสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสกัดกั้นภาวะเงินฝืดได้
เมื่อปีที่แล้ว เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเป็นเงินมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสามารถพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงได้ แต่การดำเนินการในครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากสภาคองเกรสและหน่วยงานอื่นๆว่า เฟดสามารถทำเช่นนั้นก็เพราะมีการพิมพ์ธนบัตรเพิ่มขึ้นเพื่อนำเงินไปลดยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ นายบุลลาร์ดยังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่คณะกรรมการเฟดให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำออกไปอีกระยะหนึ่ง โดยระบุว่าตรึงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนานเกินไปก็เหมือนกับ "ดาบสองคม" และจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะเงินฝืดในที่สุด
เบน เบอร์นันเก้ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 10 ส.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังไม่มีการประกาศนโยบายใหม่ๆ นอกเสียจากว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างหนักก่อนที่จะถึงวันประชุม