สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่เมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงอ่อนแอของสหรัฐ ยังกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,280.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,275.60 - 1,285.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.30 เซนต์ ปิดที่ 20.803 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.75 เซนต์ ปิดที่ 3.5045 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,632.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.85 ดอลลาร์ ปิดที่ 541.85 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงิน ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
นักวิเคราะห์จาก VTB Capital กล่าวว่า การที่เฟดจะยังคงใช้มาตรการ QE ต่อไปหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค แต่ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันจะทำให้เฟดถูกกดดันให้ต้องใช้มาตรการดังกล่าวต่อไป และจะยิ่งฉุดดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อตลาดทองคำ
นอกจากนี้ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงอ่อนแอของสหรัฐ ยังกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเมื่อวานนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐ (NAHB)/เวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 13 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 14 จุด
ดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าจำนวนผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยมีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าจำนวนผู้สร้างบ้านที่มีมุมมองเป็นลบต่อตลาดที่อยู่อาศัยมีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก