บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) ที่ระดับ “BBB-" ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “BBB-" ด้วยแน้วโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจร ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) โทรศัพท์เคลื่อนที่ และโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมาก ผลกระทบจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก เงินลงทุนที่สูง และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบด้านโทรคมนาคม
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้สอดคล้องกับอัตราส่วนเงินกู้ที่สูงของบริษัท การประมูลใบอนุญาต 3จีในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทได้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักและบริษัทจะระดมทุนด้วยหุ้นในสัดส่วนที่เหมาะสม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า TRUE เป็นผู้นำในการให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรของประเทศ ธุรกิจหลักของบริษัททั้ง 3 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโครงข่ายสายสัญญาณ (Wireline) ซึ่งดำเนินงานโดยทรูออนไลน์ กลุ่มธุรกิจไร้สาย (Wireless) หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์ ซีดีเอ็มเอ ซึ่งดำเนินงานโดย ทรูโมบาย และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) โดยทรูวิชั่นส์ ในไตรมาสแรกของปี 2555 ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในสัดส่วน 36% 48% และ 16% ตามลำดับ
TRUE มีสถานะทางธุรกิจที่เข้มแข็งในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจากการมีเครือข่ายที่ครอบคลุมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทยังสะท้อนถึงการเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลำดับที่ 3 ทั้งนี้ ทั้งธุรกิจบริการสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและโทรทัศน์ถือเป็นธุรกิจสำคัญที่ยังคงสนับสนุนโครงสร้างธุรกิจและสถานะเครดิตให้แก่บริษัทในระยะปานกลาง นอกจากนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังสะท้อนถึงการสนับสนุนที่ดีจากกลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
TRUE วางแผนจะขยายโครงข่ายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จีอย่างรวดเร็วภายใต้สัญญาที่มีกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (กสท) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการในการใช้บริการ 3 จีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้นำในการให้บริการได้อย่างเต็มที่หากการประมูลใบอนุญาต 3 จีบนคลื่นความถี่ 2100 MHz เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2555 อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบได้หากกลุ่มธุรกิจไร้สายของบริษัทไม่สามารถขยายการให้บริการหรือใช้ประโยชน์จากโครงข่ายที่ได้ลงทุนไปแล้วจากปัญหาด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัญญาที่ลงนามไว้กับ กสท
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอโดยงบดุลมีภาระหนี้สูง อย่างไรก็ตาม รายได้และอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างคงที่ช่วยให้การคาดการณ์กระแสเงินสดของบริษัทในระยะปานกลางมีความแน่นอน รายได้ของบริษัทน่าจะเติบโตในระดับที่น่าพอใจในปี 2555 เนื่องจากการรุกตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี อัตราส่วนกำไรของบริษัทลดลงมากนับจากปี 2554 จากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นและอัตราส่วนแบ่งรายได้ของทรูมูฟที่ปรับสูงขึ้นณ เดือนมีนาคม 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนนอยู่ที่ 80.5%
ในกรณีที่บริษัทลงทุนขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามประมาณการณ์ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ภาระหนี้ของบริษัทน่าจะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 84% ณ สิ้นปี ซึ่งจะทำให้อันดับเครดิตของบริษัทได้รับแรงกดดันมากขึ้นหากอัตราส่วนเงินกู้ยังคงอยู่ในระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง
สำหรับโครงการลงทุนในอนาคตนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะระดมทุนจากเงินกู้ในสัดส่วนที่สอดคล้องกับเงินเพิ่มทุนใหม่เพื่อรักษาโครงสร้างทางการเงินและสถานะสภาพคล่อง อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทมีสถานะต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนของเงินกู้ที่มีหลักประกันต่อสินทรัพย์ในระดับสูง