ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ของ PS ที่ “A" แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday July 13, 2014 13:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) ที่ระดับ “A" ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A" ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ตลอดจนผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่ช่วยประกันรายได้ของบริษัทในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่คาดว่าจะสูงขึ้น รวมถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความคาดหวังว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวขึ้นทีละน้อยภายหลังจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ยุติลง

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากได้ตามแผน และจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ต่ำกว่า 55%

บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศซึ่งก่อตั้งในปี 2536 โดยนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2548 ณ เดือนมีนาคม 2557 กลุ่มตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 70% ของหุ้นทั้งหมด ณ เดือนพฤษภาคม 2557 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาอยู่เป็นจำนวนมากถึง 247 โครงการ โครงการของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) รวมทั้งสิ้นประมาณ 72,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 37,000 ล้านบาท

ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการใช้เทคโนโลยีชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปและการบริหารจัดการงานก่อสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวโดยบริษัทเอง ทั้งนี้ ชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปที่ผลิตได้เป็นจำนวนมากช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้ ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายที่ได้เปรียบคู่แข่งและเพิ่มรอบในการผลิตสินค้าของบริษัท

ยอดขายของบริษัทในปี 2556 ถึงจุดสูงสุดที่ 41,282 ล้านบาท เติบโต 41% จากปี 2555 ยอดขายในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาทต่อไตรมาส ผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมืองซึ่งเริ่มต้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ทำให้ยอดขายของบริษัทในไตรมาสดังกล่าวลดลงเหลือ 7,515 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 เท่ากับ 13,641 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาทต่อไตรมาสได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557

บริษัทมีรายได้รวมในปี 2556 อยู่ที่ 38,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรายได้ของบริษัทในปี 2556 มากเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเป็นสถิติใหม่ของรายได้สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ยอดโอนของบริษัทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 14,141 ล้านบาท รายได้ของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2557 ถึงปี 2559 นั้นมียอดขายรอการส่งมอบซึ่งประกันการรับรู้รายได้จำนวน 17,000 ล้านบาทในปี 2557 15,000 ล้านบาทในปี 2558 และ 4,700 ล้านบาทในปี 2559

อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 18%-21% ในช่วงปี 2553 ถึงไตรมาสแรกของปี 2557 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานได้ไม่ต่ำกว่า 18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 47% ถึง 55% เมื่อคำนึงถึงอัตราส่วน ณ ปัจจุบัน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทไม่ควรสูงเกินกว่า 55% สภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 23% ในปี 2556 และ 24% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 นอกจากนี้ ณ เดือนพฤษภาคม 2557 บริษัทมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวนมากถึง 26,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่เพียงพอ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ