(เพิ่มเติม) EGCO ตั้งงบลงทุน 4 ปีราว 6.15 หมื่นลบ.ดันกำไรพุ่งแตะ 1 หมื่นลบ.ในปี 62

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 28, 2014 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) คาดกำไรแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 62 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรราว 8 พันล้านบาท โดยตั้งงบลงทุนในระยะ 4 ปี (ปี 58-61)ราว 6.15 หมื่นล้านบาท ไม่รวมการควบรวมกิจการ (M&A) ขณะที่เตรียมสรุปแผนขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ภายในปี 58 พร้อมเตรียมแผนร่วมทุน บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) ตั้งโรงไฟฟ้าในโครงการท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรมทวายในพม่า 300-400 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ในช่วงปลายปี 59

นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 4 ปีนี้ จำนวนประมาณ 6.15 หมื่นล้านบาทใช้ในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ทั้งหมด 8 โครงการ โดยในปี 58 จะใช้งบลงทุน 2.9 หมื่นล้านบาท ปี 59 ใช้ 1.9 หมื่นล้าบบาท ปี 60 ใช้งบ 8 พันล้านบาท และ ปี 61 ใช้ 5.5 พันล้านบาท

ขณะที่ปี 57 ใช้งบลงทุนไป 3.7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนที่ใช้ซื้อกิจการ (M&A) 2.1 หมื่นล้านบาท

แหล่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 4 หมื่นล้านบาทจะมาจากเงินกู้ ซึ่งโครงการส่วนใหญ่เป็นการทำ Project Finance โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ที่ 0.8 เท่า และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 0.9 เท่า ขณะที่เพดานกำหนดไว้ที่ 1.5 เท่า ทำให้บริษัทยังสามารถกู้เงินได้อีก 2 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ในช่วง 5 ปีนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน

หลังจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนหาดใหญ่ ขนาด 3 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์(COD)ในเดือน ธ.ค.57 แล้ว บริษัทจะลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้ากังหันลมในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย (โครงการโบโคร็อค วินด์ ฟาร์ม) ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จและ COD ในเดือน ก.พ.58

ส่วนในปี 59 บริษัทจะลงทุนโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังผลิต 900 เมกะวัตต์ และ COD ในเดือนมิ.ย.59 และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม COD ในเดือน ธ.ค.59, ในปี 60 จะลงทุนโรงไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) 3 แห่ง ได้แก่ โครงการทีพีโคเจน และ เอสเค โคเจน จังหวัดราชบุรี คาด COD ในเดือน ก.พ.60 ส่วน โครงการทีเจ โคเจน ที่จังหวัดปทุมธานี คาด COD ในเดือน มิ.ย.60 และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ในสปป.ลาว จะ COD ในปี 62

นายสหัส กล่าวว่า ตามแผนโรงไฟฟ้าที่กำลังพัฒนาอยู่จะทำให้บริษัทคาดว่าจะสร้างกำไรได้ถึง 1 หมื่นล้านบาทในปี 62 หลังจากที่รับรู้กำไรของทั้ง 8 โครงการ จากในปี 57 คาดว่าจะทำกำไรได้ประมาณ 8 พันล้านบาท หรือไม่น้อยกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.17 พันล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างกำไรได้ประมาณปีละ 1 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปี 58 จะไม่มีรายได้และกำไรจากโรงไฟฟ้าระยอง ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ ที่จะหมดอายุสัมปทานในวันที่ 7 ธ.ค.57 โดยในปีนี้จะมีกำไรจากโรงไฟฟ้าระยองประมาณ 300-400 ล้านบาท แต่คาดว่าปี 58 จะมีกำไรเข้ามาชดเชยมากกว่า 400 ล้านบาททดแทนโรงไฟฟ้าระยอง และคาดว่ากำไรในปี 58 น่าจะไม่น้อยกว่าปีนี้

ทั้งนี้ ในปี 58 จะมีกำลังการผลิตใหม่กำลังผลิตเข้ามาประมาณ 116 เมกะวัตต์ อีกทั้งการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาซินลอค กำลังผลิต 630 เมกะวัตต์ ในฟิลิปปินส์ ซึ่ง EGCO ถือ 40.95% และ ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 20 ในบริษัท สตาร์ เอนอนเอร์ยี จีโอเทอร์มอล จำกัด (SEG)ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ขนาดกำลังการผลิต 227 เมกะวัตต์ ในอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้ามาซินลอค ในฟิลิปปินส์ อีก 600 เมกะวัตต์ คาดสรุปปีหน้าและใช้เงินลงทุนราว 240 ล้านเหรียญสหรัฐ คาด COD ในปี 62 และขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพ อีก 120 เมกะวัตต์ คาดใช้เงิน 20 ล้านเหรียญ ตามสัดส่วนการถือหุ้น คาดสรุปในปีหน้าเช่นกัน และ COD ปี 59

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนทั้งโครงการต่างประเทศ 1 แห่งซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการเดิม และในประเทศ 1 แห่งซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งสองดีลคาดจะสรุปได้ต้นปี 58

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปรับแผนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2015) และเห็นว่าภาครัฐจะเพิ่มโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน รวมทั้งโรงไฟฟ้าSPP ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมพื้นที่โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ติดกับ โรงไฟฟ้าบีแอนซีพี และพื้นที่โรงไฟฟ้า SPP อยู่หลายนิคมอุตสาหกรรม

นายสหัส ยังกล่าวว่า EGCO ได้ร่วมกับ ITD ในโครงการโรงไฟฟ้าในโครงการทวายที่พม่า โดยระยะแรกจะผลิตไฟฟ้า 300-400 เมกะวัตต์ คาดจ่ายไฟได้ในปลายปี 59 ซึ่งเริ่มแรกจะเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซ และจะนำเครื่องจักรในโรงไฟฟ้าระยองมาใช้ ทั้งนี้ จะตั้งบริษัทร่วมทุน ที่ EGCO จะถือหุ้น 70% คาว่าจะได้ข้อสรุปในการเจรจากับรัฐบาลพม่าในเร็วๆนี้ หรืออย่างช้าราวต้นปีหน้า "บริษัทสนใจเข้าขยายกิจการในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ก่อนเพราะเห็นโอกาส และมีพันธมิตรท้องถิ่น รองลงมาได้แก่ สปป.ลาว , พม่า และออสเตรเลีย" นายสหัส กล่าว

ทั้งนี้ EGCO คาดว่าจะในปี 62 จะมีสัดส่วนกำไรจากโรงไฟฟ้าหรือกิจการในต่างประเทศ ราว 40% จากปัจจุบันมีสัดส่วนกำไรที่ 22% ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าเควซอนในฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทจะปรับอายุหนี้สั้น 1 ปี จำนวน 2 หมื่นล้านบาทมาเป็นเงินกู้ระยะยาว 5-7 ปี ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเงินกู้ สัดส่วนประมาณ 60-70% ที่เหลือจะออกหุ้นกู้เสนอขายนักลงทุนสถาบัน (PP) ทั้งหมดนี้จะเป็นหนี้สุกลเงินดอลลาร์สหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ