TISCO คาดครึ่งปีหลังกำไร-รายได้เติบโตใกล้เคียงครึ่งปีแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2015 18:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง ธนาคารทิสโก้ ในกลุ่ม บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้มีโอกาสเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีอัตราการเติบโต 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงคาดกำไรจะเติบโตในทิศทางเดียวกันกับครึ่งปีแรกที่ราว 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ฎนาคารมีรายได้และกำไรที่เติบโตได้ แม้สินเชื่อจะชะลอตัว เนื่องจากมีรายได้จากเป็นนายหน้าขายประกันผ่านธนาคาร และรายได้จากการบริหารธุรกิจจัดการกองทุน ที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง"นายชาตรี กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้จะติดลบไม่เกิน 10% แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะติดลบไปแล้ว 5% เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างช้าๆ นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารจะพยายามควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ให้ไม่เกินที่ระดับ 2.9% ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปัจจุบัน

"ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ทำให้มีการโยกย้ายเงินเข้าไปซื้อกองทุนมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันกองทุนฯยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นายชาตรี กล่าว

นายชาตรี กล่าวอีกว่า ธนาคารประเมินภาพรวมตลาดรถยนต์จะเริ่มกลับมาขยายตัวได้ในปี 60-61 หลังรับผลกระทบจากโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ปัจจุบันความต้องการสินเชื่อรถยนต์ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ช่วงปี 54-55 มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นทะลุ 1.3-1.4 ล้านคัน สูงกว่าช่วงปกติที่ 800,000 คัน ส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ถูกใช้ไปก่อนหน้าถึง 700,000 คัน สะท้อนจำนวนรถยนต์ที่ออกมาจำนวนมากเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ช่วงปีนี้และปีหน้าสินเชื่อรถยนต์จะยังชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการรถใหม่จากผู้บริโภคจากโครงการรถคันแรกน่าจะใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเป็นรถยนต์คันใหม่อีก 5-6 ปี ทำให้คาดว่าภาพรวมตลาดรถยนต์จะเริ่มฟื้นตัวภายในระยะเวลาดังกล่าว

"ในช่วงปี 54-55 ยอดขายรถพุ่งทะลุไปถึง 1.3-1.4 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าช่วงปกติที่ 800,000 คัน ดังนั้นส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ถูกใช้ไปก่อนหน้าถึง 700,000 คัน ส่งผลให้ในช่วงปีนี้และปีหน้าสินเชื่อรถยนต์จึงยังชะลอตัวลง แต่ไม่ได้ผิดปกติอะไร เนื่องจากความต้องการได้ถูกใช้ไปแล้ว และคนที่จะต้องซื้อรถใหม่ก็ต้องใช้ระยะเวลาถึง 5-6 ปี" นายชาตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ