(เพิ่มเติม) "คิงส์เมน"เคาะราคา IPO หุ้นละ 5.80 บาท ขาย 2-4 ธ.ค.เทรด 18 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 30, 2015 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. (K) กำหนดราคาจองซื้อหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ที่ 5.80 บาท/หุ้น และจะเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 2-4 ธ.ค.58 ก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ในวันที่ 18 ธ.ค.นี้ โดยมีบล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ทั้งนี้ K จะทำการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นสามัญทีออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทโดยแบ่งจำนวน 50 ล้านหุ้นมาจากหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท และอีก 10 ล้านหุ้นเสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมคือ Kingsmen Creatives

นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธื์ ประธานกรรมการ K กล่าวว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น K ในราคา 5.80 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจ จากค่า P/E 19.4 เท่า เทียบกับกำไรต่อหุ้นของบริษัท 4 ไตรมาสย้อนหลัง ถือว่าต่ำกว่า P/E ของธุรกิจใกล้เคียงกันในตลาด mai ที่อยู่ในระดับ 27 เท่า จึงมองว่าหุ้น K จะมีผลตอบแทนให้กับนักลงทุนในระดับที่น่าพอใจ

ขณะที่การเติบโตของบริษัทฯเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าที่ มีแนวโน้มในอนาคต โดยมองว่าธุรกิจนอกจากจะเติบโตไปกับธุรกิจค้าปลีกแล้ว ยังเติบโตไปกับการท่องเที่ยวที่มองว่าใน 3-4 ปีข้างหน้า พื้นที่ในการขยายช็อปค้าปลีกจะเติบโตได้มากกว่า 20-30% ซึ่งบริษัทฯต้องหาเงินทุนมารองรับการเติบโตของธุรกิจด้วยการะดมทุนในการจด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

อนึ่ง K เป็นผู้นำธุรกิจออกแบบและตกแต่งอย่างครบวงจร (One-Stop-shop Solution) ทั้งงานตกแต่งภายในครบวงจร (Interiors) ,งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ (Exhibitions) ,งานการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) และงานพิพิธภัณฑ์ (Museums&Thematic Park) โดยมีจุดเด่น คือ บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ทั้งในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายใน จากการขยายตัวของพื้นที่ค้าปลีก และงานแสดงสินค้าและนิทรรศการที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลุ่ม MICE (Meeting, Incentive, Conferences ,and Exhibition) มากขึ้น

นายชยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ที่คาดจะได้เงินจำนวน 200-300 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการขยายโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ที่ลำลูกกา คลอง 6 และลงทุนในโรงงานรังสิต-นครนายก คลอง 11 รวมถึงากรลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในเมียนมาร์ และ 100 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากธนาคาร ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทางธุรกิจ

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 20% เป็นไปตามอุตสาหกรรมค้าปลีกที่เติบโต จากปีก่อนที่มีรายได้ 823.8 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำรายได้แล้ว 651 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 6-7% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากตกแต่งภายในห้างสรรพสินค้าราว 50% จัดบูธแสดงสินค้า 40% และงานอีเว้นท์ 10%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ