โบรกฯเล็งเป้าดัชนี SET ปีนี้ช่วง 1,760-1,920 จุด เชียร์ลงทุน Domestic plays ขานรับเศรษฐกิจขาขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 9, 2018 15:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เล็งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 61 ไว้ในช่วง 1,760-1,920 จุด เทรด P/E คิดเป็น 14.8-17.7 เท่า โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (Earning Growth) ในปี 2561 จะเติบโตในช่วง 9.0-13%

ทิศทางตลาดหุ้นไทยปีนี้ (2561) มีโอกาสที่จะผันผวน โดยในเดือน ม.ค.คาดว่าตลาดฯจะย่อตัวลงก่อน จากแรงขายจากกองทุน LTF-RMF ครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยลงทุน ซึ่งในปี 59 มีแรงขายออกมากว่าหมื่นล้านบาท จากนั้นตลาดฯ จะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า Fund Flow จะไหลเข้ามาหรือไม่

ปัจจัยที่น่าจับตาเป็นเรื่องของการเลือกตั้งของไทยว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร ซึ่งเศรษฐกิจไทยในปีนี้มองว่าน่าจะดีขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภาคเอกชน, การลงทุนของภาคเอกชน-ภาครัฐฯ รวมไปถึงการส่งออกที่น่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)

ส่วนปัจจัยนอกประเทศที่จะต้องติดตามในปี 61 คือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ, การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ นอกจากนี้ก็ให้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลีเหนือและตะวันออกกลางด้วย รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะมีเสถียรภาพหรือไม่

หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปี 61 โบรกเกอร์ต่างเห็นพ้องกันว่าน่าจะเป็นหุ้นพวก Domestic plays แต่ก็ควรจะรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง อย่างกลุ่มแบงก์, กลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มสื่อสาร รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ EEC ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี ก็น่าสนใจลงทุน

          โบรกเกอร์                    เป้าดัชนี          P/E          Earning Growth
                                       (จุด)          (เท่า)              (%)
          ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย)      1,920          16.0              9.2
          เคที ซีมิโก้                     1,810          16.5              10
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             1,760          15.5              13
          ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)          1,875          15.0              12
          ทรีนีตี้                         1,815          14.8              11
          เคทีบี (ประเทศไทย)             1,837          17.7              9.0

*KTZ ตั้งเป้าดัชนีฯปี 61 ไว้ที่ 1,810 จุด พร้อมให้จับตาประเด็นการเลือกตั้ง

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ (KTZ) มองเป้าหมายตลาดหุ้นไทยในปี 61 ดัชนีฯที่ 1,810 จุด คิดเป็น P/E 16.5 เท่า และคาดว่าการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (Earning Growth)ในปี 61 จะเติบโตประมาณ 10%

ในเดือน ม.ค.คาดว่าตลาดฯจะย่อตัวลงก่อนจากแรงขายของกองทุน LTF และ RMF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกมา โดยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีแรงขายออกมากว่าหมื่นล้านบาท จากนั้นตลาดฯจะค่อย ๆ ปรับตัวขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า Fund Flow จะไหลเข้ามาหรือไม่

ปัจจัยนอกประเทศที่จะต้องติดตามในปีนี้คือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพราะถ้าหากเงินเฟ้อสูง โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าเดิมก็เป็นไปได้ นอกจากนี้ ก็ให้ติดตามสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีและตะวันออกกลาง รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะมีเสถียรภาพหรือไม่

ส่วนบ้านเราคงจะต้องติดตามประเด็นการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง

ขณะที่หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้หาก Fund Flow ไหลเข้ามาก็ยังมองเป็นหุ้นบิ๊กแคป ทั้งกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, แบงก์ และค้าปลีก ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างแม้จะยัง Laggard แต่คงต้องรอให้เห็นผลกำไรชัดเจนก่อน เพราะหลายตัวได้เล่นเก็งกำไรจากการงานประมูลไปแล้ว อีกทั้งก็ต้องรอรัฐฯจะมีโครงการประมูลใหม่ออกมาอีกหรือไม่

*PST มองเป้าดัชนีฯปี 61 ไว้ที่ 1,760 จุด เล็งกลุ่มแบงก์-รับเหมาฯ-ค้าปลีก น่าสนใจลงทุน

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) หรือ PST กล่าวว่า ได้มองเป้าหมายดัชนีฯที่ 1,760 จุด คิดเป็น P/E 15.5 เท่า และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (Earning Growth) ประมาณ 13% แม้ขณะนี้ดัชนีฯจะปรับขึ้นมาเหนือระดับเป้าหมาย แต่เชื่อว่าต้นปีอาจจะย่อตัวลง และหากมีปัจจัยที่ทำให้ตลาดฯมี Sentiment บวกได้มากกว่านี้ก็มีโอกาสที่จะปรับเป้าหมายดัชนีฯขึ้นไปจากนี้อีก อย่างเช่น ถ้าการเลือกตั้งออกมาชัดเจนและป็นข่าวดีมาก ๆ รวมถึงเศรษฐกิจโลกดูดี เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่จะต้องติดตามในปี 61 ยังเป็นเรื่องเสถียรภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ซึ่งสหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในปีหน้า โดยจะมีการปรับเปลี่ยนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา นอกจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีและตะวันออกกลางด้วย

หุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้เป็นกลุ่มแบงก์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจเติบโตดีกลุ่มแบงก์จะได้ประโยชน์, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากแรงขับเคลื่อนโครงการของภาครัฐฯ และกลุ่มค้าปลีกจากการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น

*UOBKH เล็งเป้าดัชนีฯปีหน้า 1,920 คาดหวังเศรษฐกิจโลกดี, เชียร์กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ-แบงก์

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKHกล่าวว่า ปีนี้(2561) มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยให้เป้าหมายดัชนีฯไว้ที่ 1,920 จุด คิดเป็น P/E 16 เท่า และรเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (Earning Growth) ประมาณ 9.2% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีโอกาสที่จะดี ทำให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดีกลับมาดีขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี

ส่วนเศรษฐกิจในประเทศก็น่าจะมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็มีโอกาสที่จะมีการปรับเพิ่มประมาณการกลุ่มแบงก์ ทำให้มองว่าปีนี้หุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี อย่างหุ้น PTT, IVL, IRPC ส่วนกลุ่มแบงก์ก็แนะนำหุ้น BBL, KBANK และกลุ่มค้าปลีก ก็น่าจะได้รับผลดีจากการบริโภคที่ดีขึ้น แนะนำหุ้น CPALL, ROBINS นอกจากนี้กลุ่มท่องเที่ยวก็น่าจะดี จากการท่องเที่ยวที่ยังดีอยู่ แนะนำ ERW รวมถึงยังแนะนำหุ้น STEC, AMATA อีกด้วย

ปัจจัยนอกประเทศที่จะต้องติดตามเป็นเรื่องการลดงบดุลของสหรัฐฯ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้จะเป็นผลบวกต่อการลงทุน แต่จะทำให้ตลาดตราสารหนี้เป็นลบ จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่า และนักลงทุนก็จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

*TNITY เชียร์ Domestic plays ขานรับศก.ไทยฟื้นตัว

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ (TNITY) กล่าวว่า เป้าหมายดัชนี SET ปี 61 ไว้ที่ 1,815 จุด บนสมมติฐานกำไรของปี 62 ที่คาดว่า Earning Growth จะเติบโต 10% จากปี 61 คาดว่าจะเติบโต 11% โดยทิศทางตลาดฯในช่วงครึ่งปีแรกมองว่าราคาน้ำมันยังคงยืนในระดับสูง และสภาพคล่องทั่วโลกก็ยังสูงจากที่ธนาคารกลางของหลายชาติคงจะไม่รีบเข้มงวดนโยบายการเงิน ซึ่งเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจไม่แข็งค่าอย่างมีนัย นอกจากนี้ ให้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลี, ซาอุดิอาระเบีย, ยุโรป และจีน ซึ่งปีนี้จะมีการเลือกตั้งในอิตาลีด้วย

ด้านเศรษฐกิจไทยมองเป้าหมาย GDP เติบโต 4% ในปี 61 โดยความน่าสนใจอยู่ที่การส่งออก, การท่องเที่ยว ที่ยังดีอยู่ ส่วนการบริโภค และการลงทุนก็น่าจะมีบทบาทมากขึ้นในปีนี้ จากรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น อันเป็นผลจากราคาเกษตรดีขึ้น ซึ่งมองว่าปีนี้ระดับฐานรากจะฟื้นตัวได้มากขึ้น

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้ ยังมองเป็นหุ้นพวก Domestic plays ทั้งกลุ่มแบงก์, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสาร จากที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

*KTBST มองทิศทางตลาดหุ้นไทยปีนี้ผันผวน พร้อมให้จับตาการเลือกตั้งของไทย

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีนี้มองว่ายังมีความผันผวนอยู่ ในช่วงไตรมาส 1/61 น่าจะมีโอกาสที่ดัชนีฯจะปรับตัวขึ้นมากกว่า แต่ในระหว่างทางอาจมีความผันผวนเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ปีนี้ปัจจัยที่น่าจับตาเป็นเรื่องของการเลือกตั้งของไทยว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปีหน้ามองว่าน่าจะดีขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายภาคเอกชน, การลงทุนของภาคเอกชน-ภาครัฐฯ ที่น่าจะดีขึ้นด้วย รวมไปถึงการส่งออกที่น่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)

หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้เป็นกลุ่ม Domestic plays แต่ก็ควรจะรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง อย่างกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ KBANK, กลุ่มท่องเที่ยว AOT CENTEL, กลุ่มค้าปลีก CPALL และก็ยังน่าสนใจหุ้น THANI ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ EEC ก็น่าลงทุนในหุ้น AMATA, WICE เป็นต้น


แท็ก ตลาดหุ้นไทย   SET   RMF   LTF  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ