ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,334.59 จุด ลดลง 66.79 จุด หรือ -0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,697.42 จุด ลดลง 4.42 จุด หรือ -0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,768.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด หรือ +0.08%
นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างก็จับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิด หลังจากที่เฟดได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดด้วยการตัดสินใจที่ยังไม่ชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย. ซึ่งสวนกระแสคาดการณ์ในวงกว้างที่ว่าเฟดจะปรับขนาดโครงการซื้อพันธบัตรลง 1.0-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากในปัจจุบันที่มีวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาด หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ประเมินว่า เฟดอาจลดวงเงินซื้อพันธบัตรเล็กน้อยในการประชุมเดือนต.ค. หลังจากที่สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติอย่างเฉียดฉิวที่จะไม่ลดวงเงินในการประชุมครั้งล่าสุด
บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเองต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่ว่าเฟดควรเลื่อนระยะเวลาในการชะลอมาตรการ QE ในการประชุมกำหนดนโยบายประจำเดือนก.ย.หรือไม่ โดยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดนิวยอร์ก ได้ออกมาปกป้องการตัดสินในของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในการที่ยังไม่ลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ โดยระบุว่ายังไม่มีความคืบหน้ามากพอที่จะเริ่มชะลอมาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐยังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงด้วย โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. เนื่องจากชาวอเมริกันมีมุมมองบวกน้อยลงต่อการจ้างงานและค่าจ้างในอนาคต
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐซึ่งสำรวจโดยคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ลดลงสู่ระดับ 79.7 ในเดือนก.ย. จากระดับ 81.8 ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีเดือนก.ย.จะลดลงแตะ 79.9
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน โดยราคาบ้านเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งชะลอลงจากเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาบ้านเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนมิ.ย.
ข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มสร้างบ้านร่วงลง ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยหุ้นหุ้น เจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.2% และหุ้นธนาคารกเวลล์ส ฟาร์โก ปรับตัวลง 1.4%