ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาการคลังสหรัฐ ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 61.33 จุด

ข่าวต่างประเทศ Thursday September 26, 2013 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาด้านการคลังของสหรัฐอาจจะนำไปสู่การปิดหน่วยงานของรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,273.26 จุด ลดลง 61.33 จุด หรือ -0.40% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,692.77 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.27% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,761.10 จุด ลดลง 7.15 จุด หรือ -0.19%

นักลงทุนกำลังจับตาดูการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์กังวลว่าในสัปดาห์นี้สภาคองเกรสสหรัฐอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่ยุ่งยาก ซึ่งการที่หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอาจจะต้องปิดทำการในวันที่ 1 ต.ค. หรืออาจจะเปิดทำการได้ต่อไปนั้น ขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนนเสียงในสภาคองเกรส

นายจาค็อบ ลิว รมว.คลังสหรัฐกล่าวกับสภาคองเกรสกล่าวว่า นักลงทุนต่างพากันวิตกกังวลว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐนั้น จะบานปลายมากกว่าที่ควรจะเป็น พร้อมระบุว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางจะชนเพดานที่ระดับ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในกลางเดือนต.ค.นี้ นายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมูดีส์ อะนาลิติกส์ กล่าวว่า ความไม่แน่นอนที่เป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับเพดานหนี้และงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐนั้น กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีความเปราะบาง

การวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองอย่างรุนแรง ความเสี่ยงที่อาจจะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะไม่สามารถทำตามพันธกรณีด้านการเงินนั้น ล้วนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบรรยากาศโดยรวม" เขากล่าว

ทั้งนี้ สหรัฐกำลังจะเผชิญกับ 2 เส้นตายสำคัญที่ใกล้เข้ามา ซึ่งเส้นตายแรกก็คือการจัดหางบประมาณของรัฐบาลในปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และส่วนอีกเส้นตายหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับเพดาหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเพดานหนี้ภายในช่วงกลางเดือนต.ค.นี้

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นวอล-มาร์ท ร่วงลง 1.45% แม้วอล-มาร์ทออกมาปฏิเสธรายงานที่ว่าทางบริษัทกำลังลดยอดสั่งซื้อเนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลังปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นเจซี เพนนี ดิ่งลง 15% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เตือนว่าสภาพคล่องของเจซี เพนนี อาจจะตกอยู่ในภาวะตึงตัว

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.7% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 2.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ