ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 55.04 จุด ขานรับข้อมูลแรงงานสหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Friday September 27, 2013 06:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ขานรับข้อมูลด้านแรงงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากภาวะการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,328.30 จุด เพิ่มขึ้น 55.04 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,698.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.90 จุด หรือ +0.35% ดัชนี Nassaq ปิดที่ 3,787.43 จุด เพิ่มขึ้น 26.33 จุด หรือ +0.70%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย. ปรับตัวลดลง 5,000 ราย แตะระดับ 305,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 325,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 309,000 ราย

ตลาดการเงินติดตามข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเรื่องการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยในการประชุมครั้งล่าสุดในเดือนนี้ เฟดประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE ด้วยการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และใช้มาตรการผ่อนคลายต่อไปจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5%

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ในวันนี้ โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัว 2.5% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระดับ 2.5% อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากนายจาค็อบ ลิว รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐจะพุ่งแตะเพดานสูงสุดที่ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในกลางเดือนต.ค.นี้ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐสภาเพิ่มอำนาจการกู้ยืมเงินของรัฐบาลในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ สหรัฐกำลังจะเผชิญกับ 2 เส้นตายสำคัญที่ใกล้เข้ามา ซึ่งเส้นตายแรกก็คือการจัดหางบประมาณของรัฐบาลในปีงบประมาณใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.นี้ และส่วนอีกเส้นตายหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับเพดาหนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเพดานหนี้ภายในช่วงกลางเดือนต.ค.นี้

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ พุ่งขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ส่วนหุ้นเจซี เพนนี ปรับตัวขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยแผนการระดมทุนมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลาร์ ด้วยการออกหุ้นใหม่

หุ้นอีเบย์พุ่งขึ้น 4.48% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะซื้อกิจการบริษัทเบรนทรี ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง วงเงิน 800 ล้านดอลลาร์ เพื่อขายธุรกิจการชำระเงินทางโทรศัพท์มือถือ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ