ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 98.75 จุด หลัง"ทรัมป์"แถลงข่าวสื่อมวลชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 12, 2017 06:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) โดยดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์ได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะสร้างงานครั้งใหญ่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่ทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยาในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,954.28 จุด เพิ่มขึ้น 98.75 จุด หรือ +0.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,563.65 จุด เพิ่มขึ้น 11.83 จุด หรือ +0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,275.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.42 จุด, +0.28%

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในกรุงนิวยอร์ก โดยทรัมป์ได้ประกาศว่าเขาจะเดินหน้าสร้างงานครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ขณะเดียวกันทรัมป์ได้แสดงจุดยืนในการวางมือจากธุรกิจเพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนของผลประโยชน์เมื่อเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ด้วยการประกาศถอนตัวจากอาณาจักรธุรกิจของตนเอง โดยเขาจะโอนทรัพย์สินทั้งหมดเข้าสู่กองทุนทรัสต์แห่งหนึ่ง และจะแต่งตั้งให้บุตรชายคนที่ 1 และ 2 เป็นผู้บริหารกิจการแทน นอกจากนี้ ทรัมป์จะลาออกจากทุกตำแหน่งในธุรกิจโรงแรม, สนามกอล์ฟ และธุรกิจอื่นๆอีกหลายร้อยแห่ง

ส่วนดัชนี NASDAQ ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นแอปเปิล อิงค์

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้แจ้งต่อลูกค้าให้ทราบเรื่องการปรับลดการส่งมอบน้ำมันดิบในเดือนหน้า

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง หลังจากนายทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยาในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า อุตสาหกรรมยาของสหรัฐขณะนี้อยู่ในภาวะย่ำแย่ และรัฐบาลภายใต้การนำของเขาจะสร้างระบบประมูลใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยา

ทั้งนี้ หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ร่วงลง 5.3% หุ้นเอนโด อินเตอร์เนเชั่นแนล ดิ่งลง 2% หุ้นเพอร์ริโก ร่วงลง 6.9% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 1.2% และหุ้น Abbvie ดิ่งลง 3.6% อย่างไรก็ตาม หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากมีรายงานว่า คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอนุมัติให้มีการทบทวนยารักษาโรคมะเร็งปอดของบริษัท

นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และแบงก์ ออฟ อเมริกา

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ