ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 22.05 จุด หลังเผยข้อมูลศก.,เยลเลนแถลง ขณะหลายบริษัทรายงานงบฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 19, 2017 05:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (18 ม.ค.) ขณะที่อีกสองดัชนีหลักปิดในแดนบวก โดยนักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในช่วงก่อนที่ตลาดจะปิดทำการไม่นาน หลังจากที่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในระหว่างวัน ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ด้านบริษัทต่างๆ ทยอยรายงานผลประกอบการที่ออกมาทั้งบวกและลบ ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันศุกร์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 22.05 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 19,804.72 จุด ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.00 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 2,271.89 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 16.93 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 5,555.65 จุด

นางเจเน็ต เยลเลน กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงบ่ายวันพุธตามเวลาสหรัฐ ระบุเศรษฐกิจสหรัฐเข้าใกล้เป้าหมายของธนาคารกลาง ทั้งในเรื่องการจ้างงานและราคาเงินเฟ้อ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดสามารถเริ่มลดระดับการให้การสนับสนุนที่ดำเนินการตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลงได้ นอกจากนี้ ประธานเฟดยังระบุด้วยว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการปรับขึ้นทีละนิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน และค่าเช่าบ้านที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของเฟด และเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2014 และเป็นครั้งแรกที่ดัชนี CPI พุ่งทะลุ 2% นับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย.

ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมดีดตัว 0.8% ในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่ลดลง 0.7% ในเดือนพ.ย.

การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค. ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของภาคสาธารณูปโภคที่ทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1989

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐยังได้เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ในวันเดียวกัน โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราปานกลางเกือบทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ย.จนถึงสิ้นปี

ในวันเดียวกัน สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด แตะระดับ 67 ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากในเดือนธ.ค.

ถึงแม้ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลงในเดือนนี้ แต่ผู้สร้างบ้านบางส่วนก็ยังคงมีความเชื่อมั่นว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามที่เขาได้สัญญาไว้

ในส่วนของการรายงานผลประกอบการ โกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ เผยว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 5.08 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.82 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 8.17 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.74 พันล้านดอลลาร์

โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า กำไรและรายได้ที่ทะยานขึ้นดังกล่าวได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008

ด้านซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด

ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีรายได้ 1.701 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.14 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 1.705 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.11 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น มอร์แกน สแตนลีย์ บวก 1.68% แบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่ง 2.63% และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ขยับขึ้น 0.06% อย่างไรก็ตาม สองบริษัทการเงินที่รายงานผลประกอบการในวันพุธกลับปรับตัวลดลง โดยโกลด์แมน แซคส์ ลบ 0.6% และ ซิตี้กรุ๊ป ร่วง 1.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ