ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 43.93 จุด หรือ +0.60% ปิดที่ 7,353.89 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ได้ปัจจัยบวกจากการที่สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีได้คลี่คลายลง ภายหลังจากนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายจิม แมททิส รมว.กลาโหม ออกมายืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล และทำให้กระแสแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และสกุลเงินเยน ได้บรรเทาลง
ทั้งนี้ นายทิลเลอร์สัน และนายแมททิสได้ระบุในบทความที่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวานนี้ว่า "สหรัฐไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ หรือเร่งกระบวนการรวมชาติเกาหลีแต่อย่างใด"
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น ถึงแม้จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคสินแร่รายใหญ่จะเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. โดยหุ้นเกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 3.1% หุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 1.5% และหุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางของราคาน้ำมันที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ จากความวิตกเรื่องการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับลง 0.1% และหุ้นบีพี ลดลง 0.4%