ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (3 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวเจ้าหน้าที่การรถไฟของฝรั่งเศสผละงานประท้วง เนื่องจากไม่พอใจโยบายปฏิรูปแรงงานของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครอง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 367.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,152.12 จุด ลดลง 15.18 จุด หรือ -0.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,030.46 จุด ลดลง 26.15 จุด หรือ -0.37% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,002.45 จุด ลดลง 94.28 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 120 รายการจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลไม้และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผลไม้ ในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอีก 8 รายการ ซึ่งรวมถึงเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมู ในอัตรา 25%
มาตรการดังกล่าวของจีนถือเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียมในอัตรา 10% จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า เจ้าหน้าที่การรถไฟของฝรั่งเศส (SCNF) เริ่มการผละงานเมื่อวานนี้ เพื่อประท้วงนโยบายปฏิรูปแรงงานของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครอง
ทั้งนี้ คนขับรถไฟมากกว่า 75% และพนักงานรถไฟเกือบ 50% พากันหยุดงาน โดยมีแผนผละงานเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งพนักงานจะหยุดงาน 2 วันในทุก 5 วันจนกว่าจะถึงวันที่ 28 มิ.ย. การประท้วงดังกล่าวส่งผลให้มีการให้บริการรถไฟความเร็วสูง TGV เพียง 1 ใน 8 ขณะที่มีการระงับการเดินรถไฟยูโรสตาร์จำนวน 1 ใน 4
ทางด้านปธน.มาครองต้องการปฏิรูปการให้บริการรถไฟ โดยให้มีการแข่งขันมากขึ้น ขณะที่กฎระเบียบของสหภาพยุโรประบุให้มีการแปรรูป SNCF ภายในปี 2566
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นเอสทีเอ็มไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ดิ่งลง 3.1% หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 2.1% และหุ้นอินเจนิโค กรุ๊ป ร่วงลง 3.1%
หุ้นแอร์ฟรานซ์ ปรับตัวลง 4.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าอาจจะสามารถดำเนินการเที่ยวบินได้เพียง 75% อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ประท้วงเมื่อวานนี้
หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทประกาศระงับโครงการเหมืองแร่เหล็ก "Minas-Rio" ในบราซิล หลังจากที่พบรอยรั่วที่บริเวณท่อส่ง
หุ้นอินเตอร์คอนติเนนทัล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ปรับตัวลง 0.8%
หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป พุ่งขึ้น 2.1% หลังงจากบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค เสนอให้มีการแยกธุรกิจสกาย นิวส์ ออกจากสกาย เพื่อปูทางให้รัฐบาลอังกฤษอนุมัติข้อเสนอของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการเข้าซื้อหุ้น 61% ในสกาย
หุ้นเฟียต ออโต้โมบิลส์ ทะยานขึ้น 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐพุ่งขึ้น 14% ในเดือนมี.ค.