ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 21 แห่งออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ตราบใดที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 4,500 จุด บริษัทจะนำเงินไปลงทุนในกองทุน ETF ที่เน้นหุ้นบลูชิพเป็นหลัก ด้วยวงเงินอย่างน้อย 1.20 แสนล้านหยวน (1.962 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือคิดเป็น 15% ของสินทรัพย์โดยรวมของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 21 แห่ง นอกจากนี้ บริษัทจะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ ณ วันที่ 3 ก.ค. และจะซื้อหุ้นเพิ่มอีกในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ด้านสมาคมหลักทรัพย์ของจีนได้ออกมาชื่นชมการตัดสินใจของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 21 แห่ง พร้อมกับเรียกร้องให้บริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งของจีนร่วมกันทบทวนสถานการณ์ทางเศษฐกิจและตลาดทุนภายในประเทศอย่างถูกวิธี และใช้มาตรการในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นจีนที่กำลังย่ำแย่ลงในขณะนี้
ตลาดหุ้นจีนร่วงลงติดต่อกันหลายวันทำการ โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 225.85 จุด หรือ 5.77% ปิดที่ 3,686.92 จุด ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ดำเนินการสอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการปั่นหุ้นในตลาดหุ้นจีน ซึ่งหากพบว่ามีการทำผิดจริง ทาง CSRC จะส่งมอบคดีการปั่นหุ้นซึ่งถือเป็นคดีอาญานั้น ไปให้กับฝ่ายตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป