ขณะเดียวกัน บีโอเจยังได้ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน
โดยบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น "กำลังฟื้นตัวขึ้น" ปานกลาง ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มมุมมองจากการประเมินครั้งก่อนที่ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น "กำลังเริ่มฟื้นตัว" ปานกลาง
นอกจากนี้ บีโอเจคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น "จะยังคงฟื้นตัวปานกลาง" ขณะที่ราคาผู้บริโภคมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปเมื่อเทียบเป็นรายปี
ส่วนในเรื่องรายได้นั้น เงินเดือนโดยเฉลี่ย ซึ่งรวมถึงเงินได้จากการทำงานล่วงเวลาซึ่งจ่ายให้กับพนักงานในเดือนก.ค.นั้น ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินโบนัสในช่วงฤดูร้อนและการจ่ายเงินล่วงเวลา ขณะที่ค่าแรงพื้นฐานปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14
"การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของภาคธุรกิจกำลังเริ่มกระเตื้องขึ้น เนื่องจากกำไรของบริษัทเอกชนฟื้นตัวขึ้น ส่วนการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนยังคงฟื้นตัว ซึ่งเห็นได้การปรับตัวดีขึ้นของสถานการณ์ด้านการจ้างงานและรายได้" รายงานของบีโอเจระบุ
อย่างไรก็ตาม บีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับสูง อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินของยุโรป และอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าบีโอเจจะจับตาดูว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากปัจจัยต่างๆทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ รวมถึงหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ขยายตัวเชื่องช้า และราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากสถานการณ์ในซีเรียที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน