สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล และการจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 16.9 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ระดับ 1,173.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 25.8 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 16.482 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 11.4 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ 909.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆในตะกร้าเงินนั้น พุ่งขึ้น 0.53% แตะที่ 101.52 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์แข็งค่านั้นมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกันในเดือนก.ย.
ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 216,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง