สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ทิศทางเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอนก็ตาม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 13.90 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ระดับ 1,287.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.6 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 16.827 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 921.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 11.05 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 925.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.44% สู่ระดับ 93.376 เมื่อคืนนี้ โดยดอลลาร์ยังคงได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนางเยลเลนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยนางเยลเลนกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมหากเฟดจะเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะยังอยู่ในทิศทางที่ไม่แน่นอนก็ตาม
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเยลเลนส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ โดย CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการไปแล้ว ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล สู่ระดับ 20% และลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากเดิมที่ 39.6%