สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 114.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลง หลังจากสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติคัดค้านการดำเนินการทางทหารของรัฐบาลต่อซีเรีย ภายหลังการอภิปรายที่เข้มข้นเป็นเวลา 8 ชั่วโมง โดยคว่ำญัตติของรัฐบาลไปด้วยคะแนนเสียง 285 ต่อ 272
สำหรับญัตติของรัฐบาลอังกฤษนั้น ได้เรียกร้องให้มี “การตอบโต้ทางมนุษยธรรมที่รุนแรงจากประชาคมระหว่างประเทศ" ซึ่งรวมถึงการใช้กำลังทางทหาร
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ได้กล่าวหลังการลงมติว่า มีความชัดเจนว่า “รัฐสภาอังกฤษไม่ต้องการที่จะเห็นการใช้กำลังทางทหารของอังกฤษ ซึ่งสะท้อนมุมมองของประชาชนชาวอังกฤษ"
ทั้งนี้ อังกฤษกำลังเผชิญกับคำถามภายในประเทศที่รุนแรงเกี่ยวกับการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย โดยผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าประชาชน 50% คัดค้านการโจมตีด้วยขีปนาวุธ และ 40% ไม่เห็นด้วยกับการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องของอังกฤษ ขณะที่มีชาวอังกฤษ 25% ที่สนับสนุนการใช้ขีปนาวุธโจมตีซีเรีย สำนักข่าวซินหัวรายงาน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการบริโภคส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค. เช่นเดียวกับรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่น้อยกว่าคาดการณ์ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความวิตกกังวลว่าชาวอเมริกันอาจปรับลดการใช้จ่าย
ทั้งนี้ ยอดการใช้บริโภคส่วนบุคคลขยายตัวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 0.2%
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนส.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวลงแตะระดับ 82.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับเดือนก.ค.ที่ 85.1 โดยดัชนีความเชื่อมั่นที่ลดลงนี้ เนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น