กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
พิธีถวายพานพุ่มราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2556 วันที่ 18 สิงหาคม 2556
ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ได้จัดพิธีถวายพานพุ่มราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เนื่องในโอกาสวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2556 ณ บริเวณชั้น 1 หน้าอาคาร ๕o พรรษา มหาวชิราลงกรณ โดยมี ผศ.ดุสิต อุบลเลิศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธี มีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ตลอดจนนักเรียนนักศึกษา เข้าร่วมในพิธี
ผศ.ดุสิต อุบลเลิศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ได้กล่าวถวายราชสดุดี ประกาศเฉลิมพระเกียรติคุณ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทิตาธรรม ต่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ความว่า “พระบาทสมเด็จพระปรเมณทรมหามกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ในฐานะพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย ที่ได้ทรงธำรงรักษาเอกราชของชาติ ทรงปกครองประเทศ และทรงปกเกศคุ้มเกล้าเหล่าปวงชนชาวไทย ให้ผาสุกร่มเย็นมาจนถึงทุกวันนี้ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้ทรงวางรากฐานการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ทรงนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นภัยจากลัทธิการล่าอาณานิคม สามารถธำรงรักษาเอกราชของชาติไว้ได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน ในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างสูญเสียเอกราชอธิปไตยไปหมดสิ้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีความลุ่มลึกในวิชาวิทยาศาสตร์แขนงดาราศาสตร์ ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาในประเทศไทยไว้ก่อนล่วงหน้า 2 ปี ว่าดวงอาทิตย์จะมืดมิดเต็มดวงเป็นเวลานานถึง 6 นาที 46 วินาที ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งปรากฏว่าการคำนวณของพระองค์ถูกต้องกว่านักดาราศาสตร์ตะวันตก 2 วินาที พระบรมเดชานุภาพที่แสดงในครั้งนั้น เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งต่อพสกนิกรชาวสยามและเป็นที่ยกย่องในพระปรีชาญาณทั่วไปในสากลประเทศ เป็นการเชิดชูศักดิ์ศรีแห่งความเป็นอริยะของชาวไทย ส่งผลให้ประเทศชาติคงความเป็นเอกราช ตราบจนทุกวันนี้
พระราชกรณียกิจตลอดจนระยะเวลาแห่งการครองราชย์ พระองค์ทรงสร้างสรรค์คุณประโยชน์อเนกอนันต์ อันเป็นรากฐานแห่งความเจริญของวงการวิทยาศาสตร์และความเจริญวัฒนาของชาติไทย ทั้งสิ้น”