บลจ.กสิกรไทย เผยกองทุน K-PROP ขายเต็มมูลค่าโครงการ เหตุผู้ลงทุนหลบตลาดหุ้นผันผวน แห่ซบลงทุนกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 27, 2016 15:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--บลจ.กสิกรไทย บลจ.กสิกรไทย แจ้งปิดการเสนอขายกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ด้วยมียอดจองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการ ภายในช่วงเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) เผยกองทุนตอบโจทย์ผู้ชอบโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอท่ามกลางภาวะตลาดผันผวน พร้อมมองแนวโน้มกองอสังหาฯ และ REITs เติบโตต่อเนื่อง นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) ซึ่งบริษัทได้เปิดเสนอขายครั้งแรกในระหว่างวันที่ 24-30 พฤษภาคม 2559 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จนทำให้มียอดจองซื้อเข้ามาเต็มมูลค่าโครงการ รวมทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาท ทำให้กองทุนสามารถปิดการเสนอขายได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนด "สาเหตุที่กองทุน K-PROP ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี คาดว่ามาจากความต้องการของผู้ลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนอื่นๆ อย่างเช่น หน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาฯ และกอง REITs ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ โดยความน่าสนใจของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือความสามารถในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในรูปแบบกระแสเงินสดที่ได้รับจากอัตราค่าเช่าที่แน่นอน ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเพิ่มจากแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวด้วย" นางสาวยุพาวดีกล่าว ด้านนโยบายของกองทุน K-PROP จะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector) อาทิ หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศไว้ไม่เกิน 79% อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนภายในประเทศที่ประมาณ 50% และจะลงทุนใน REITs ของสิงคโปร์อีกประมาณ 50% ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน สำหรับมุมมองการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า ในปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาฯ และกอง REITs ของไทย สามารถให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5 – 6% โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา กองทุนประเภทดังกล่าวมีมูลค่าการเติบโตถึงกว่า 50% ทั้งนี้ในแง่ของระดับราคา แม้ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากจากช่วงก่อนหน้า แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ดี คาดว่ากองทุนจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอและค่าเช่ายังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กอง REITs ในประเทศสิงค์โปร์ ปัจจุบันเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่ากองทุนรวมอสังหาฯ และกอง REITs อื่นๆในภูมิภาค อีกทั้งระยะเวลาเช่าของทรัพย์สินที่ยาวนานเฉลี่ยถึง 80 ปี บวกกับการบริหารจัดการที่ดี และที่สำคัญคือ มีสภาพคล่องสูงกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับกองทุนอสังหาฯ ในไทย นอกจากนี้เมื่อมองในแง่ของระดับราคายังมีความน่าสนใจและไม่แพงจนเกินไป ดังนั้น กองทุน K-PROP จึงเหมาะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและสิงคโปร์ โดยสามารถใช้เข้ามาช่วยเสริมพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนอกเหนือไปจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นและตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจและพลาดโอกาสการลงทุนในช่วงเปิดเสนอขายดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยอาจมีการพิจารณาเพิ่มทุนจดทะเบียนในโอกาสข้างหน้า และจะแจ้งให้ผู้ลงทุนได้ทราบหากมีการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนในครั้งต่อไป หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กสิกรไทย หรือติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ