สศท.9 แจงพื้นที่เขตความเหมาะสมปลูกข้าว คาบสมุทรสทิงพระ แนะ เกษตรกรศึกษาพืชทางเลือกรอบด้าน

ข่าวทั่วไป Thursday September 22, 2016 16:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 ศึกษาเขตความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว บนคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระบุ เกษตรกรที่ปลูกข้าวในเขต S1 และ S2 มีผลผลิตเฉลี่ย 716.04 กก./ไร่ รายได้สุทธิ 515.70 บาท/ไร่ ส่วนเกษตรกรที่ปลูกข้าวในเขต S3 และ N พบว่า มีผลผลิตเฉลี่ย 507.04 กก./ไร่ รายได้สุทธิ -423.31 บาท/ไร่ ย้ำ หากเกษตรกรต้องการปลูกพืชทางเลือกอื่น ต้องศึกษาพืชทางเลือกใหม่ที่มีลู่ทางการตลาด ดิน และข้อมูลต้นทุนการผลิตอย่างรอบด้าน นายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 (สศท.9) ได้ศึกษาเขตความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว บนคาบสมุทร สทิงพระ จังหวัดสงขลา ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่อำเภอระโนด สทิงพระ กระแสสินธุ์ และสิงหนคร เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกข้าวในพื้นที่ รวมทั้งศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนสำหรับสินค้าเกษตรทางเลือกชนิดอื่นๆ ที่เกษตรกรมีความสนใจเพื่อทดแทนการปลูกข้าวในพื้นที่นาที่ไม่เหมาะสม สำหรับเขตความเหมาะสมการปลูกข้าวของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวบนคาบสมุทรสทิงพระ มีการแบ่งพื้นที่ความเหมาะสมในการการปลูกข้าว ได้เป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย - เขตพื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวมาก (S1) เนื้อที่ 306,145 ไร่ มีการปลูกข้าว 171,395 ไร่ - เขตพื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวปานกลาง (S2) เนื้อที่ 22,985 ไร่ มีการปลูกข้าว 5,672 ไร่ - เขตพื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวน้อย (S3) เนื้อที่ 23,100 ไร่ มีการปลูกข้าว 798 ไร่ - เขตพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (N) เนื้อที่ 387,491 ไร่ มีการปลูกข้าว 2,167 ไร่ สำหรับเกษตรกรที่ปลูกข้าวในเขตที่มีความเหมาะสมมาก (S1) และมีความเหมาะสมปานกลาง (S2) มีผลผลิตเฉลี่ย 716.04 กก./ไร่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 4,511.05 บาท/ไร่ ต้นทุนเฉลี่ย 3,995.35 บาท/ไร่ คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ย 5.58 บาท/กก. มีรายได้สุทธิ 515.70 บาท/ไร่ ทั้งนี้ การจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญ ในเขตที่มีความเหมาะสมมาก (S1) และมีความเหมาะสมปานกลาง (S2) ต้องให้ความสำคัญเรื่องการลดต้นทุน รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่วนเกษตรกรที่ปลูกข้าวในเขตความเหมาะสมน้อย (S3) และเขตที่ไม่เหมาะสม (N) พบว่า มีผลผลิตเฉลี่ย 507.04 กก./ไร่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 3,194.35 บาท/ไร่ ต้นทุนเฉลี่ย 3,617.67 บาท/ไร่ คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ย 7.13 บาท/กก. มีรายได้สุทธิ -423.31 บาท/ไร่ อย่างไรก็ตาม การจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญในเขตความเหมาะสมน้อย (S3) และเขตไม่เหมาะสม (N) ต้องให้ความสำคัญโดยพิจารณาเป็นกรณี คือ หากเกษตรกรต้องการทำนาต่อไป ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการดิน ปรับปรุงโครงสร้างดินใหม่ การตรวจวิเคราะห์ดิน แต่หากเกษตรกรต้องการปลูกพืชทางเลือกอื่นเพื่อทดแทนการปลูกข้าว เกษตรกรต้องศึกษาพืชทางเลือกใหม่ที่มีลู่ทางการตลาด ดินมีความเหมาะสมกับพืชที่เกษตรกรเลือก รวมทั้งพิจารณาเรื่องข้อมูลต้นทุนการผลิต และรายได้สุทธิของพืชทางเลือก ด้านนายพลเชษฐ์ ตราโช ผู้อำนวยการ สศท.9 กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาพืชทางเลือกของเกษตรกรบนคาบสมุทรสทิงพระ พบว่า เกษตรกรได้มีการปลูกพืชทางเลือกที่สำคัญได้แก่ ปาล์มน้ำมัน พืชไร่และพืชผัก โดยผลตอบแทนของเกษตรกรบนคาบสมุทรสทิงพระ จังหวัดสงขลา พบว่า ปาล์มน้ำมัน เกษตรกรมีรายได้สุทธิ 5,661.49 บาท/ไร่ พริกเขียวมัน มีรายได้สุทธิ 26,681.30 บาท/ไร่ คะน้า มีรายได้สุทธิ 11,935.93 บาท/ไร่ มะระ มีรายได้สุทธิ 10,180.48 บาท/ไร่ บวบ มีรายได้สุทธิ 9,881.61 บาท/ไร่ ถั่วฝักยาว มีรายได้สุทธิ 7,836.49 บาท/ไร่ กล้วยหอมทอง มีรายได้สุทธิ 61,807.47 บาท/ไร่ ดาวเรืองตัดดอก มีรายได้สุทธิ 55,514.57 บาท/ไร่ และหญ้าหวายข้อ มีรายได้สุทธิ 24,119.08 บาท/ไร่ ทั้งนี้ สศท.9 ยังได้จัดทำแนวทางพัฒนาสินค้า รวม 3 ยุทธศาสตร์ 17 กลยุทธ์ และแนวทางพัฒนาพื้นที่ ขับเคลื่อนโดยอาศัยกระบวนการประชารัฐ คำนึงถึงความต้องการของเกษตรกรเป็นหลัก บนฐานกลไกของอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรในพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ ทรัพยากรน้ำ องค์ความรู้ แหล่งเงินทุน และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ตลอดจนการร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนภายในจังหวัด อันจะสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้แก่พื้นที่ต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ