กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมภายในประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างความได้เปรียบและโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลก ทำให้การพัฒนาบุคลากรในกลุ่มสายงาน วิศวกร ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งพื้นฐานสำหรับทุกอุตสาหกรรมที่จะขาดไม่ได้ และต้องอาศัยทักษะและความชำนาญเฉพาะด้านมาเป็นผู้ควบคุมดูแล กลายเป็นตำแหน่งที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดปัจจุบันเป็นจำนวนมาก ดังผลการวิจัยล่าสุดพบว่า วิศวกร เป็นหนึ่งในสามอาชีพที่ต้องการของตลาดมากที่สุด
ผศ. ดร. ภานวีย์ โภไคยอุดม รองอธิการบดี ฝ่ายนโยบายและแผน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร หรือ เอ็มยูที เปิดเผยว่า "ปัญหาสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรม สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนแรก คือ ระบบการเรียนการสอน ที่มักจะเน้นแต่การท่องจำหรือทฤษฎี ขาดการส่งเสริมให้ฝึกปฏิบัติหรือทดลอง รวมทั้งขาดการบูรณาการณ์ด้านการเรียนและการสอน และส่วนที่สอง คือ การพัฒนาทักษะด้านภาษา เมื่อเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้พรมแดนของการดำเนินธุรกิจและการสื่อสารนั้นไม่เหลือช่องว่างอีกแล้ว จำเป็นต้องพัฒนาทักษะภาษาเพื่อการสื่อสาร โดยให้ความสำคัญทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน จากปัญหาเหล่านี้ ทำให้ต้องมีการพัฒนาหลักสูตรและเนื้อหา เพื่อให้สามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมให้บุคลากรแข่งขันได้ในตลาดสากล
เอ็มยูที จึงได้บริหารและจัดรูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัยโดยเน้นให้นักศึกษาได้ทดลองและฝึกปฎิบัติจริง อีกทั้งยังได้พัฒนาหลักสูตรสองภาษาร่วมกับมหาวิทยาลัยชื่อดังจากประเทศอังกฤษ ได้แก่ The University of Sheffield และ Oxford Brookes University ทำให้นักศึกษาในสาขาวิศวกรรมที่ เอ็มยูที สามารถไปเรียนต่อชั้นปี 3-4 ที่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่ง ได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ได้เช่นเดียวกับนักศึกษาที่เรียนครบทั้ง 4 ปีที่อังกฤษ และเมื่อเรียนจบแล้ว นักศึกษามีโอกาสขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของประเทศอังกฤษและทำงานในยุโรปได้ นอกจากนี้ เอ็มยูที ยังได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกับ University of Ulsan ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นและดำเนินการโดยบริษัทฮุนได (Hyundai) ทำให้นักศึกษาจะมีโอกาสเข้าฝึกงาน หรือได้เข้าทำงานกับบริษัทในเครือฮุนไดได้อีกด้วย"
"สำหรับในปีนี้ เอ็มยูที มีความตั้งใจที่ส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทย โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญมากที่สุด เพื่อผลิตวิศวกรรุ่นใหม่ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากลมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงได้ประกาศมอบทุนการศึกษา "เรียนฟรี" ของเอ็มยูที จำนวนทั้งสิ้น 80 ทุน ขึ้นเป็นครั้งแรก ใน 4 สาขา ได้แก่ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สาขาวิศวกรรมโยธา สาขาวิศวกรรมเครื่องกลและยานยนต์ สาขาวิศวกรรมเคมี ให้แก่นักเรียนที่สนใจ เพียงมีคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการได้แก่ 1) เกรดเฉลี่ยสะสม 5 ภาคการศึกษาตั้งแต่ 3.0 ขึ้นไป 2) ผ่านการสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ 3) เมื่อได้รับทุน รักษาระดับการเรียนให้เป็นไปตามเงื่อนไข อาทิ ปีที่ 1 เกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ 2.5เพื่อรักษาสิทธิ์ เป็นต้น" รองอธิการบดีกล่าวสรุป
ทั้งนี้ เปิดรับสมัคร ทุนเรียนฟรี ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2559 โดยผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 02 988-3655, 66 ต่อ 2138-2139 หรือ e-mail: inter@mut.ac.th และเข้าไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.inter.mut.ac.th
นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดค่าหน่วยกิตสำหรับผู้สมัครที่มีผลการเรียนสะสมตั้งแต่ 2.25 – 2.99 เพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจเรียนโดยไม่รับทุนการศึกษา ก็สามารถสมัครมาเรียนได้เช่นกัน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึง 8 สิงหาคม 2560 โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 72,000 บาทต่อภาคการศึกษาเท่านั้น