กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--บลจ.กรุงศรี
บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีเวียดนามอิควิตี้ - สะสมมูลค่า (KFVIET-A) ชูโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง รายได้ประชากรเพิ่มและการบริโภคขยายตัวสูง รวมทั้งการปฏิรูปตลาดทุนที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 20 – 25 เมษายน 2561
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "บลจ.กรุงศรี มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง คาดการณ์ว่า GDP ของเวียดนามจะอยู่ที่ 6%อย่างต่อเนื่องซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆในภูมิภาคเอเชีย (ที่มา : IMF ณ ต.ค. 60) โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งในส่วนของอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ การบริโภคภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นจากการเติบโตของชนชั้นกลางและสังคมเมือง และความได้เปรียบจากการที่มีจำนวนประชากรในวัยแรงงานสูง โดยมีอายุเฉลี่ยของประชากรเวียดนามอยู่ที่ 30 ปี อีกทั้งเวียดนามได้มีการทำสัญญาการค้าเสรีเป็นจำนวนมาก และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากค่าแรงยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เวียดนามเป็นเป้าหมายหลักของเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ และเกื้อหนุนให้ระบบเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
"ด้านตลาดหุ้นเวียดนามก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องด้วยราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจและมีศักยภาพการเติบโตที่ดี มีจำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าและสภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายเกิน 3 ล้านเหรียญต่อวันมีจำนวนมากขึ้น อีกทั้งภาครัฐให้ความสำคัญ กับการปฎิรูปตลาดทุนและเพิ่มสภาพคล่องในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ มีแผนลดการถือครองหุ้นของภาครัฐจำนวน 132 บริษัท คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 13.5 ล้านล้านดอง (613.6 ล้านเหรียญสหรัฐ)ภายในปี 2563 (ที่มา : vir.com.vn ณ พ.ย. 60) และได้ผ่อนคลายข้อจำกัดนักลงทุนต่างชาติในการถือครองหุ้นของบริษัทเพื่อสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ เวียดนามยังมีโอกาสการเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market อีกด้วย"
"ตลาดหุ้นเวียดนามมีโอกาสที่จะเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน บริษัทจึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีเวียดนามอิควิตี้ - สะสมมูลค่า KFVIET-A) ที่มีนโยบายลงทุนใน JP Morgan Vietnam Opportunities Fund และอีทีเอฟ ซึ่งลงทุนในตราสารทุนของประเทศเวียดนามโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุน JP Morgan Vietnam Opportunities Fund ได้รับ Morningstar Rating 4 ดาว ณ 31 ม.ค. 61 และมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่โดดเด่น สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 48.96% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 18.72% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 18.16% และผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.40% ตามลำดับ ทั้งนี้ กองทุน KFVIET-A มีการป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ความเสี่ยงสูงระดับ 6" (ที่มา : Morningstar rating จาก J.P. Morgan Asset Management ณ 31 ม.ค. 61. / การจัดอันดับดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึง ผลตอบแทนในอนาคต)
"บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่า กองทุน KFVIET-A จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับกระจายการลงทุนไปในตลาดที่มีศักยภาพเติบโต เพื่อแสวงหาผลตอบแทนรวมที่สูงขึ้นในระยะยาว" น.ส.ศิริพร กล่าว
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน KFVIET-A มีแนวทางการลงทุนที่ยืดหยุ่น ผสานทั้งกองทุนเชิงรุกและรับ ด้วย 3 กองทุนเด่นของเวียดนาม Active style: JPMorgan Vietnam Opportunities Fund กองทุน 4 ดาวจาก Morningstar* *ที่มา: J.P. Morgan Asset Management ณ 31 ม.ค. 61/ การจัดอันดับดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด Passive style: VanEck Vectors Vietnam ETF และ Xtrackers FTSE Vietnam Swap UCITS ETF
กองทุน KFVIET-A ลงทุนกระจุกตัวในตราสารผู้ออก จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
กองทุน KFVIET-A มีการลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ทั้งนี้ โดยปกติกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ