ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ไมด้า ลิสซิ่ง” ที่ “BBB-" ด้วยแนวโน้ม "Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 5, 2014 13:02 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานภาพการเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้ตราสัญลักษณ์ที่หลากหลายและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังสะท้อนถึงประวัติการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานในการให้บริการสินเชื่อรถยนต์และผลกำไรที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอของบริษัท รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่บริษัทด้วย โดยบริษัทมีสาขากระจายอยู่ในหลายภูมิภาคทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับพันธมิตรทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ความได้เปรียบจากจุดแข็งเหล่านี้ถูกลดทอนโดยปัจจัยกดดัน 3 ประการ ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ความยืดหยุ่นทางการเงินที่จำกัดของบริษัท และส่วนแบ่งทางการตลาดในแง่ของสินเชื่อคงค้างที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาด ตลอดจนปรับปรุงผลประกอบการทางการเงินให้ดีขึ้น และเพิ่มแหล่งเงินทุนที่หลากหลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้

บริษัทไมด้า ลิสซิ่ง ก่อตั้งในปี 2543 ด้วยทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท โดยในช่วงเริ่มแรก บริษัทเน้นให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วเป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วอยู่ที่ 440 ล้านบาท โดยมีบริษัทไมด้า แอสเซ็ท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วน 60% ตลาดหลักของบริษัทคือสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วที่ผ่านการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยมูลค่าสินเชื่อคงค้างของบริษัทค่อนข้างทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 2,500 ล้านบาทมาตั้งแต่ปี 2548 ทั้งนี้ บริษัทมีสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 2,465 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 สินเชื่อคงค้างของบริษัทประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 99% และสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์มือสอง (หรือสินเชื่อ Floor Plan) อีก 1% อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทแกว่งตัวขึ้นลงจาก 3% ในปี 2553 ขึ้นไปเป็น 3.8% ในปี 2554 แล้วลดลงเหลือ 2.3% ในปี 2555 และเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ในปี 2556 จากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2556 ทำให้คุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทลดต่ำลงเมื่อเทียบกับปี 2555 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2557 โดยเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ณ สิ้นเดือนมีนาคม และ 4.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ปัจจุบันบริษัทเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นกับการติดตามหนี้สินรวมถึงการปรับนโยบายการให้สินเชื่อและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อให้มีความเข้มงวดมากขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อ โดยทริสเรทติ้งจะคอยติดตามผลจากความพยายามดังกล่าวต่อไป

ในปี 2554 และปี 2555 รัฐบาลออกมาตรการคืนภาษีแก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกซึ่งกลายเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรถยนต์ซึ่งรวมถึงบริษัทด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวส่งผลทำให้ราคารถยนต์มือสองในตลาดตกต่ำเป็นอย่างมากเพราะผู้บริโภคหันไปซื้อรถยนต์คันแรกแทนเพื่อใช้สิทธิในการขอคืนภาษี

ในปี 2556 ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทลดต่ำลง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 112 ล้านบาท ลดลง 16% จาก 134 ล้านบาทในปี 2555 การลดลงของกำไรสุทธิส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นถึง 20% โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 219 ล้านบาทในปี 2556 จาก 183 ล้านบาทในปี 2555 อีกทั้งบริษัทยังมีผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เพิ่มสูงขึ้นจากการที่ราคารถมือสองตกต่ำลงด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญถึง 37 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งสูงมากกว่ามูลค่าการตั้งสำรองฯ ในปี 2555 ที่ระดับ 14 ล้านบาท ถึง 2 เท่า ในปี 2556 อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ต่อเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อรวมเพิ่มเป็น 2.6% จาก 2.1% ในปี 2555 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเหลือ 4.2% ในปี 2556 จาก 5% ในปี 2555 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจากการที่กำไรสุทธิลดลงเหลือ 50 ล้านบาทจาก 65 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 และอัตราส่วน ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 ก็ลดลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ระดับ 3.7% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว)

นับตั้งแต่ปี 2553 ฐานทุนของบริษัทค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 53.3% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 จาก 38.6% ในปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำกำไรอย่างต่อเนื่องของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จึงถือได้ว่าบริษัทมีฐานทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการขยายสินเชื่อในอนาคตหากบริษัทไม่ใช้เงินกู้เพิ่มเติม ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2555 บริษัทได้เข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูสถานะทางการเงินที่ดำเนินการโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติอุทกภัยในช่วงปลายปี 2554 ผลจากการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากการขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเป็นสิ้นเดือนเมษายน 2561 จากเดิมที่จะสิ้นสุด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558

การขยายฐานสินเชื่ออย่างมีนัยสำคัญจะเป็นความท้าทายที่สำคัญของบริษัท โดยในขณะนี้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง อีกทั้งยังไม่มีแหล่งเงินทุนที่แน่นอนเหมือนคู่แข่งรายอื่น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังหวังว่าบริษัทจะสามารถดำรงฐานทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเอาไว้ได้ ซึ่งฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบของสภาวะเศรษฐกิจที่สูงเช่นกัน

บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ML)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ