ผลการศึกษาชี้ ผู้ป่วยโรคเลือดไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม (MDS) ที่รักษาด้วยยา Revlimid สามารถมีชีวิตที่ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องถ่ายเลือด

ข่าวต่างประเทศ Friday May 18, 2007 08:48 —Asianet Press Release

เทมป้า ฟลอริด้า--18 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ที่ประชุมนานาชาติครั้งที่ 9 นำเสนองานการวิจัยมอฟฟิทท์ ว่าด้วยเรื่องโรคเลือดไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม(MDS)
ดร.อลัน ลิสท์ จากศูนย์มะเร็งและสถาบันวิจัย เอช.ลี มอฟฟิทท์ (H.Lee Moffitt Cancer Center& Research Institute) เปิดเผยผลการศึกษาใหม่ล่าสุดจากการทดลองระยะที่ 2 ซึ่งมีการประเมินยา Revlimid ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเลือดที่ไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งรู้จักกันในชื่อโรคเลือดไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม(MDS) ณ การประชุมนานาชาติครั้งที่ 9 ว่าด้วยเรื่องโรคเลือดไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม (MDS) ซึ่งจัดขึ้นขณะนี้ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี โดยข้อมูลใหม่ล่าสุดที่นำเสนอในการประชุมบ่งชี้ว่า ยา Revlimid หรือ lenalidomide ให้ประโยชน์ในเรื่องอัตราการรอดชีวิตในระยะยาว รวมทั้งความคืบหน้าในการป้องกันโรคในผู้ป่วย MDS ที่มีโครโมโซม 5q ลดลง
"ข้อมูลสำคัญเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ในหลายกรณีนั้น ยา Revlimid สามารถช่วยผู้ป่วยที่เป็นโรค MDS ให้มีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องถ่ายเลือดเป็นเวลาหลายปี สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการค้นพบว่ายา Revlimid ช่วยให้มีการรอดชีวิตในระยะยาวได้มากอย่างชัดเจน โดย 87% ของผู้ที่ร่างกายมีการสร้างเซลล์ขึ้นนั้น จะมีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ย 10 ปี" ดร. ลิสท์ ศาสตราจารย์ด้านเนื้องอกวิทยาและเวชภัณฑ์ และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนก Malignant Hematology ที่มอฟฟิทท์ รวมทั้งเป็นประธานการตรวจสอบการศึกษาครั้งนี้ กล่าว "นับเป็นรางวัลตอบแทนที่ได้เห็นผู้ป่วยซึ่งได้รับการรักษาด้วยยา Revlimid มีชีวิตยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องมีการถ่ายเลือดได้ราว 3-4 ปี อีกทั้งยังมีคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้นด้วย"
ข้อมูลล่าสุดที่นำเสนอโดย ดร.ลิสท์ ในการประชุมปีนี้แสดงว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรค MDS ซึ่งมีโครโมโซม 5q ลดลง และได้รับยา Revlimid นั้น สามารถมีชีวิตได้โดยไม่ต้องถ่ายเลือดคิดเป็นอัตราเฉลี่ย 2.2 ปี และหลังจากนั้น 4 ปีผู้ป่วยยังคงตอบสนองต่อการรักษา นอกจากนี้ ในบรรดาผู้ป่วยผู้ที่ร่างกายมีการสร้างเซลล์ขึ้นตอบสนองต่อยา Revlimid นั้น จำนวน 87% มีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ย 10 ปี เมื่อเทียบกับ 4% ของผู้ที่ร่างกายไม่มีการสร้างเซลล์ตอบสนอง
นอกจากนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์ย้อนหลังบนฐานข้อมูลเยอรมันเกี่ยวกับผู้ป่วยโรค MDS ที่ได้รับการรักษาด้วยยา Revlimid นั้น ได้มีการนำเสนอในที่ประชุมครั้งนี้ด้วย และแสดงให้เห็นว่ายา Revlimid สามารถป้องกันการลุกลามของโรคในผู้ป่วยที่เป็นโรค MDS ที่มีโครโมโซม 5q ลดลง เรื่องนี้นับว่ามีสำคัญเนื่องจากการเปิดเผยของ มูลนิธิ MDS ระบุว่า 30% ของผู้ป่วยที่เป็นโรค MDS จะพัฒนาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดฉับพลัน (AML) นอกจากนี้ผู้ป่วยที่ได้รับยา Revlimid ยังมีอัตราการรอดชีวิตโดยรวมสูงตามสถิติด้วย
โรคไมอีโลดิสพลาสติก ซินโดรม (MDS) เป็นภาวะการเกิดมะเร็งในไขกระดูกที่ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงออกมาได้เพียงพอ ซึ่งโรคดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวน 300,000 คนทั่วโลก และยังคร่าชีวิตผู้ป่วยถึง 60,000-70,000 คนต่อปี ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรค MDS ได้รับความทุกข์ทรมานจากภาวะโลหิตจาง และทำให้ร่างกายเหนื่อยได้ง่าย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการถ่ายเลือดทั้งร่างกายเดือนละ 2 ครั้ง โดยการถ่ายเลือดซ้ำๆจะทำให้ร่างกายผลิตสารพิษที่เรียกว่า"ภาวะเหล็กเกินในร่างกาย"(iron overload) ซึ่งส่งผลเสียต่อหัวใจ ตับ และตับอ่อนอย่างรุนแรง และในที่สุดผู้ป่วยก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อสู้กับโรคร้ายนี้ต่อไปได้
ยา Revlimid เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางซึ่งจำเป็นต้องพึ่งการถ่ายเลือด เนื่องจากผู้ป่วยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ MDS ในระดับต่ำและระดับปานกลาง และมีภาวะที่ร่างกายสร้างเซลล์ 5q ต่ำอย่างผิดปกติ หรือในผู้ป่วยที่ไม่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการสร้างเซลล์ นอกจากนี้ยา Revlimid ยังใช้รักษาร่วมกับยาดีแซมเมทธาโซน (dexamethasone) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกหลายชนิดซึ่งเคยได้รับการรักษาในก่อนหน้านี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
เกี่ยวกับ ศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งเอช. ลี มอฟฟิทท์
ศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งเอช. ลี มอฟฟิทท์ ( www.moffitt.org ) ตั้งอยู่ในเมืองเทมป้า รัฐฟลอริด้า ในมหาวิทยาลัยเซาท์ ฟลอริด้า เป็นศูนย์มะเร็งในรัฐฟลอริด้าที่กำหนดให้เป็นสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI) โดยเป็นศูนย์มะเร็งซึ่งให้บริการเป็นเลิศในด้านการวิจัยและสนับสุนการทดลองทางการแพทย์ การป้องกัน และการควบคุมโรคมะเร็ง ขณะนี้ศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งมอฟฟิตต์มีศูนย์บริการที่กระจายอยู่ทั่วมลรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น 15 แห่ง โดยมีอยู่ในจอร์เจีย 1 แห่ง และในเปอร์โต ริโก้ 2 แห่ง นอกจากนี้ศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งมอฟฟิทท์ยังเป็นสมาชิกในกลุ่มเครือข่ายมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งเป็นพันธมิตรอันทรงเกียรติของศูนย์มะเร็งชั้นนำของสหรัฐและมีชื่ออยู่ในรายงาน U.S. News & World Report ในฐานะที่เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุดในอเมริกา ทั้งนี้ภาระกิจสำคัญของศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งมอฟฟิทท์คือ ให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แนนซี่ จอห์นสัน
โทร:+(813) 745-1478
อีเมล์: nancy.johnson@moffitt.org
แหล่งข่าว: ศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งเอช. ลี มอฟฟิทท์
ติดต่อ: แนนซี่ จอห์นสัน จากศูนย์บำบัดและวิจัยมะเร็งเอช. ลี มอฟฟิทท์
โทร +1-813-745-1478,
อีเมล์ nancy.johnson@moffitt.org
เว็บไซต์: http://www.moffitt.org
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ